การประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกา นอกจากจะมีผลกระทบต่อความขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดสหรัฐแล้ว ยังจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าสหรัฐของไทยที่เพิ่มขึ้น เพื่อปรับสมดุลดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อไทย
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน วิเคราะห์ผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ข้อเสนอไทยต่อสหรัฐ เพื่อต้องการลดภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปสหรัฐฯ (จาก36%) คาดว่าจะเป็นการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ เข้ามาในประเทศไทยโดยภาษีเป็น 0%
สำหรับถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ 3 กลุ่มคือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยปี 2567 ไทยมีพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง 66,121 ไร่ ผลิตได้ 1.6 หมื่นตัน มูลค่าการผลิต 400 ล้านบาท ผลผลิตต่อไร่ อยู่ที่ 270 กิโลกรัม(กก.) ต่อไร่ มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 17 บาท ต่อ กก.
ประเทศไทยมีการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง และกากถั่วเหลือง รวมปีละ 5 ล้านตัน การนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือไปโรงงานสกัด 20% เพื่อไปทำนํ้ามันถั่วเหลืองเพื่อการบริโภค ที่เหลือเป็นกากถั่วเหลืองที่ถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิตอาหารสัตว์
โดยการนำเข้ากากถั่วเหลืองไปโรงงานอาหารสัตว์โดยตรง ไทยนำเข้าทั้ง 2 ประเภทมาจากบราซิล สัดส่วน 80% และสหรัฐฯ 20% โดยการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองเข้ามาในประเทศไทยภาษีเป็น 0% และการนำเข้ากากถั่วเหลืองเสียภาษี 2% ขณะที่บราซิลผลิตถั่วเหลืองสัดส่วน 40% ของผลผลิตโลก ตามด้วยสหรัฐ สัดส่วน 28% (ผลผลิตโลก 422 ล้านตัน, 2024)
อย่างไรก็ดีแม้ว่าไทยจะเปิดตลาด 0% ให้สหรัฐ เพื่อนำเข้าถั่วเหลืองเข้ามาก็ตาม แต่ไทยจะนำเข้ามา มากหรือน้อย ขึ้นกับ 1. ต้นทุนการผลิตถั่วเหลืองระหว่างสหรัฐฯ กับ บราซิล ซึ่งงานวิจัยของ Jacquie Holland, ASA Economist, and Katelyn Klawinsky, ASA Economics Intern ชื่อ “How does U.S. soybean production compare to Brazil?” เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2025 (2568) พบว่า ต้นทุนการผลิตของสหรัฐ อยู่ที่ $529.9/acre หรือ 6,864 บาทต่อไร่ หรือ 12.3 บาทต่อกก. (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 22 กค 2568 อยู่ที่ 32 บาท/ดอลลาร์)
ขณะที่ต้นทุนการผลิตถั่วเหลืองบราซิลอยู่ที่ $476.35/acre หรือ 6,169 บาทต่อไร่ หรือ 10.7 บาทต่อกก. หมายความว่า ต้นทุนการผลิตสหรัฐ แพงกว่า 1 บาทต่อกก. แต่คิดต่อไร่ สหรัฐมีต้นทุนสูงกว่า 1,000 บาทต่อไร่
“ถ้าเป็นแบบนี้ การนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ จะทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เพราะราคาถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐ อยู่ที่ 15.77 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคานำเข้าจากบราซิล 15.39 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งอาจจะไม่จูงใจให้ไทยนำเข้าจากสหรัฐ”
2. การให้ภาษีนำเข้า 0% ถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองสหรัฐ ในขณะที่กากถั่วเหลืองบราซิลยังเสีย 2% สุดท้ายขึ้นกับราคานำเข้าที่ถูกกว่า โดยเปรียบเทียบระหว่างบราซิลและสหรัฐ
รองศาสตราจารย์ ดร. อัทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับใครจะได้รับผลกระทบนั้น
1.เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองไทย แม้ว่า ต้นทุนการผลิตไทยสูงกว่าต้นทุนการผลิตของสหรัฐ แต่เกษตรกรจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่เกษตรกรขายเป็นราคาประกันที่เฉลี่ย 20 บาท ต่อ กก. เกษตรกรยังผลิตได้เท่าเดิม หรือจะลดลงเองตามธรรมชาติ หากคิดว่าสู้ราคานำเข้าไม่ได้
2.เกษตรกรปาล์มนํ้ามัน ไม่มีผลกระทบต่อราคาผลปาล์มสดให้ลดลง เพราะราคาถั่วเหลืองนำเข้าสูงกว่าราคาผลปาล์มสดเพื่อนำไปผลิตนํ้ามันพืชเพื่อบริโภค
3.ผู้ประกอบการ อาจจะได้รับผลกระทบจากราคานำเข้าถั่วเหลืองสหรัฐที่สูงขึ้น จากเดิมนำเข้าจากบราซิลที่มีราคาถูกกว่า มีโอกาสที่จะปรับราคาสินค้าประเภทเนื้อสัตว์สูงขึ้น
4.ผู้บริโภคที่ใช้นํ้ามันถั่วเหลือง เต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง จะซื้อสินค้าเหล่านี้ “แพงขึ้น” เพราะราคาที่ปรับสูงขึ้นจากการนำเข้าถั่วเหลืองสหรัฐฯ ที่แพงกว่าถั่วเหลืองบราซิล