นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการร่วมเปิดงาน China (Shandong) - Thailand Themed Event & International Supply Chain Cooperation Promotion and Matchmaking Conference ในช่วงการเข้าร่วมเปิดงานแสดงสินค้า China International Supply Chain Expo (CISCE) ครั้งที่ 3 ว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยมาตั้งแต่ปี 2556 ทั้งสองประเทศมีกรอบความร่วมมือมากมาย และเป็นภาคีในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA)
ทั้งนี้ ยังมีความร่วมมือในกรอบอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ช่วยขับเคลื่อนการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีนให้ขยายตัวเติบโตมาได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับความร่วมมือกับมณฑลซานตง ซึ่งเป็นมณฑลที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของจีน ที่ขณะนี้มีชื่อเสียงในด้านการผลิตที่ล้ำสมัย ผลผลิตทางการเกษตร โลจิสติกส์ท่าเรือ และการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในโครงการ Belt and Road Initiative
โดยซานตงเป็นพันธมิตรที่เหมาะสำหรับไทยและคู่ค้าอื่น ๆ ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมสู่เขตเศรษฐกิจโป๋ไห่ (Bohai) เชื่อมต่อกับภูมิภาคตอนในของจีน และเป็นประตูสู่สะพานบกยูเรเซียใหม่ ในทางกลับกัน ไทยสามารถเป็นประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีพลวัตของผู้คนเกือบ 700 ล้านคน
ทั้งนี้ในปี 2567 ปริมาณการค้ารวมระหว่างไทยกับซานตงมีมูลค่า 9.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.76% และคิดเป็น 8.5% ของการค้ารวมระหว่างไทยกับจีน สินค้าส่งออกหลักของไทยไปซานตง ได้แก่ ยาง ผักและผลไม้ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า
สินค้าส่งออกหลักของซานตงไปไทย ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติก ผลิตภัณฑ์เหล็กหรือเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์เคมี ส่วนด้านการลงทุน ซานตงกำลังส่งเสริมการลงทุนเซลล์แสงอาทิตย์ ยานยนต์ และเครื่องจักรเกษตรกรรมและโลจิสติกส์ และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง เทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานใหม่ และยาและการดูแลสุขภาพ ซึ่งไทยและซานตงสามารถที่จะร่วมมือกันได้
โดยกระทรวงพาณิชย์มีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีนถึง 8 แห่ง ซึ่ง 1 แห่งตั้งอยู่ในเมืองชิงต่าว มณฑลซานตง และมีความยินดีที่จะให้ผู้ประกอบการติดต่อได้ตลอดเวลาเพื่อสำรวจและขยายความร่วมมือทางการค้าร่วมกันส่วนการเข้าร่วมงาน CISCE ครั้งที่ 3 ไทยได้แสดงศักยภาพสินค้าเกษตรสีเขียว ใน 5 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 ต้นน้ำ เพาะปลูกอัจฉริยะเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน นำเสนอนวัตกรรมทางด้านการเกษตรของไทย
โซนที่ 2 กลางน้ำ นำเสนอการผลิตและการแปรรูปมูลค่าสูง นำเสนอศักยภาพการแปรรูปวัตถุดิบเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มในพืชเศรษฐกิจ 4 กลุ่ม คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และผลไม้
โซนที่ 3 นำเสนอสินค้าจริงที่แสดงให้เห็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทย
โซนที่ 4 ปลายน้ำ นำเสนอเครื่องหมายรับรองมาตรฐานที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและคู่ค้าทั่วโลก
โซนที่ 5 อนาคต นำเสนอการสร้างอนาคตร่วมผ่านการบูรณาการของภาครัฐและภาคเอกชน
นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ บรรยายในหัวข้อพิเศษ "Promotions" ภายในงานสัมมนา China (Shandong) - Thailand Themed Event & International Supply Chain Cooperation Promotion and Matchmaking Conference ว่า ปัจจุบันเมื่อเราพูดถึงห่วงโซ่อุปทาน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การแพร่ระบาดของโรค ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และระเบียบข้อบังคับและนโยบายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่การสูญเสียรายได้ ผลิตภาพ และแม้แต่ชื่อเสียงทางธุรกิจ
ดังนั้นความร่วมมือในการเสริมสร้างความสามารถ และส่งเสริมการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น จะนำไปสู่โอกาสทางการค้า การลงทุนของสินค้าบริการ ต่างๆ ในตลาดโลกได้เพิ่มมากขึ้น “DITP เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ด้วยแนวทางดำเนินงาน 3E คือ
1.ต่อยอด บุกเบิก เพิ่มโอกาส (Expand)
2. ยกระดับ ขับเคลื่อน เชื่อมสัมพันธ์ (Enable)
3. สร้างพลัง ส่งเสริม เพิ่มมูลค่า (Empower) เพื่อการขยายโอกาสทางการค้า มีการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ และเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งออฟไลน์และออนไลน์