ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(เงินเฟ้อ)ของไทยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยเดือนพฤษภาคมล่าสุดติดลบที่ 0.5% และเดือนเมษายนก่อนหน้านี้ติดลบที่ 0.22% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยกระทรวงพาณิชย์ระบุปัจจัยสำคัญเป็นผลจากราคาสินค้าอาหารและพลังงานลดลง โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปในปี 2568 จากเดิม 0.3% -1.3% หรือค่ากลาง 0.8% เหลือ 0.0% - 1.0% หรือค่ากลางที่ 0.5% เพื่อให้สอดล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เงินเฟ้อที่ติดลบ 2 เดือนต่อเนื่องมีปัจจัยสำคัญนอกจากราคาสินค้าอาหาร และราคาพลังงานปรับตัวลดลงแล้ว ยังมีผลจากการใช้จ่ายของภาคประชาชน และภาคธุรกิจปรับตัวลดลงด้วย จากความไม่มั่นใจในอนาคต และความไม่แน่นอนต่าง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหลายมาตรการของรัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาคนไม่กล้าใช้จ่าย
ขณะที่ภาคการผลิต และการส่งออกที่มีสัดส่วนประมาณ 60% ของจีดีพี เวลานี้สถานการณ์ตลาดโลกมีความไม่แน่นอนจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ส่วนผู้ประกอบการที่ทำตลาดในประเทศก็ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่เข้ามาจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ กระทบผู้ประกอบการในประเทศต้องลดกำลังการผลิตเหลือระดับกว่า 50% ในภาพรวม บางรายมีการปรับลดคนงาน ขณะที่แบงก์ปล่อยกู้ยากเพราะเกรงความเสี่ยง ซึ่งในรายที่สายป่นไม่ยาวจะเห็นทยอยปิดกิจการลงเรื่อย ๆ
ส่วนในรายที่จะขยายกำลังการผลิต ลงทุนใหม่ หรือขยายกิจการในช่วงนี้เป็นไปได้ยาก เพราะสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศไม่เอื้ออำนวย ในรายที่ยังผลิตสินค้าอยู่ก็ระมัดระวังเรื่องการเก็บสต๊อกสินค้าถ้าเก็บสต๊อกนานก็จะเป็นปัญหาเรื่องต้นทุน และเงินหมุนเวียน ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญมากในเรื่องสต๊อกในช่วงนี้ เพราะเริ่มเห็นเค้าลางวิกฤตข้างหน้าหากไม่บริหารจัดการตรงนี้ให้ดี เงินกู้จากแบงก์ก็ไม่ได้มาง่าย ๆ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญ ก็ไม่ได้ลดลงมากและยังถืออยู่ในระดับสูงตามอัตราความเสี่ยงของลูกค้า
“เงินเฟ้อที่ติดลบ 2 เดือนต่อเนื่อง ยังไม่ถึงกับทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะในทางเทคนิคภาวะเงินฝืด เงินเฟ้อจะต้องติดลบต่อเนื่องสองไตรมาส(6 เดือน) อย่างไรก็ดีในเดือนถัดไปคาดเงินเฟ้อมีโอกาสติดลบอีก แต่ก็คิดว่ายังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมา ไม่ถึงกับเข้าสู่ภาะเงินฝืด ซึ่งสถานการณ์ในหลายประเทศเวลานี้เงินเฟ้อก็ติดลบ กำลังผู้บริโภคลดลง
ผลกระทบตามมาต่อผู้ส่งออกไทยคือ การรับออร์เดอร์ล่วงหน้าระยะยาวไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้สหรัฐจะเก็บภาษีมากน้อยแค่ไหน ผู้นำเข้าสามารถจ่ายภาษีนี้ไหวหรือไม่ ขณะที่ผู้ค้าปลีก ค้าส่งในประเทศก็ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ติดลบจากคนจับจ่ายลดลง ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้สินค้าที่ยังพอขายได้คือ เป็นสินค้าที่ราคาถูกมากๆ ส่วนเรื่องคุณภาพไว้ทีหลัง ขอให้มีของใช้ก่อน”
ล่าสุดจากสงครามอิสราเอล-อิหร่านทวีความรุนแรง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทิศทางราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อาจทำให้เงินเฟ้อของไทยกลับมาเป็นบวกในระยะต่อไป
อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องจนกลายเป็นภาวะเงินฝืด มองว่าสิ่งที่รัฐบาลสามารถเร่งดำเนินการได้เร็วที่สุดในช่วงนี้คือ การเร่งใช้จ่ายงบประมาณในปี 2568 ที่เหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนจะสิ้นปีงบประมาณเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของประชาชน และเรื่องที่สอง การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวทั้งในและจากต่างประเทศ โดยการโปรโมตหรือจัดแคมเปญเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ประกอบการควรเร่งหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายได้อีกทาง