4 สมาคม บุกรัฐสภา 9 เม.ย. ค้านนำเข้าข้าวโพด-ธัญพืช จากสหรัฐฯ แลกลดภาษี

นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.68) ทาง 4 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ,สมาคมโรงสีข้าวไทย,สมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าพืชไร่ จะเดินทางไปรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ความเสี่ยงของนโยบายของรัฐหากให้มีการนำเข้าข้าวโพดและวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐอเมริกาที่จะกระทบและสร้างความอ่อนแอให้ภาคการเกษตรไทยอย่างใหญ่หลวง (ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์)

 

จากปัญหาที่รัฐบาลไทยพยายามจะสร้างขึ้นเนื่องจากการให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตัดต่อพันธุกรรม (GMO) จากสหรัฐอเมริกา ความเป็นจริงมีกลุ่มธุรกิจสมาคมที่มีสมาชิกเป็นผู้ใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และวัตถุดิบหมวดคาร์โบไฮเดรต พยายามจะใช้วัตถุดิบจากทั่วโลกมาสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อำนาจทางธุรกิจ และกำไรสูงสุดให้กับกลุ่มตน โดยไม่สนใจผลกระทบต่อการกระจายรายได้ทางภาคเศรษฐกิจและสังคม

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ถูกมองว่าเป็น “ภาระ”ของประเทศไทย จึงมีพยายามใช้ภาครัฐ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการปกป้องอาชีพผู้ปลูกข้าวโพดฯ และพืชวัตถุดิบอื่นมาอย่างต่อเนื่อง จากการขอลดอากรนำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์เหลือ 0% ขอลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง และกำลังถือโอกาสใช้วิกฤติจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกา เพื่อขอให้รัฐบาลอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดฯ GMO จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีโอกาสส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วทุกท้องถิ่นเกษตรไร่นาไทยมากยิ่งขึ้น จนหมดกำลังซื้อ และในระยะยาวความมั่นคงทางอาชีพชาวไร่ชาวนาไทย ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศมีโอกาสลดน้อยถอยลง และมีการผูกขาดมากขึ้นจากกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่มีศักยภาพสูง 

ทางกลุ่มสมาคมผู้ค้า/ผู้ปลูก/ผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ รวมถึงชาวนาไทยและผู้ปลูกมันสำปะหลังจึงไม่เห็นด้วยต่อการที่รัฐบาลจะอนุญาติให้นำเข้าข้าวโพดฯ GMO รวมถึงพืชวัตถุดิบทดแทนทุกชนิดด้วยเหตุผลและข้อมูลดังนี้

1.ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญในการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจประกอบไปด้วยประชาชนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องหลายล้านครัวเรือน

2.ข้าวโพดฯ และวัตถุดิบหมวดคาร์โบไฮเดรต ประเทศไทยมีเพียงพอต่อการผลิตอาหารสัตว์ ไม่จำเป็นต้องนำเข้า จะเห็นได้จากปี 2565 ที่นำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์มาเพียง สามแสนตันขณะที่ปีก่อนหน้านเข้ามาหลักล้าน ตัน ดังนั้นควรมีนโยบายให้ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในประเทศ พึ่งพาภายในเป็นหลักเพื่อสร้างความมั่นคงจากรากฐานหลักที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญของมนุษย์

3.ประเทศไทยมีกฎหมาย/นโยบายห้ามปลูกพืชตัดต่อพันธุกรรม และห้ามเผาแปลงเกษตร ขณะที่ประเทศอเมริกามีการปลูกข้าวโพดฯ GMO และ เผาแปลงเกษตรได้ การอ้างว่าจะซื้อวัตถุดิบทดแทนมาทดแทนพื้นที่เผาอาจจะขัดกับกฎหมายไทย และต้องไม่ลืมว่าวัตถุดิบภายในเพียงพอยิ่งในปัจจุบัน ข้าวเปลือกไทย และมันสำปะหลังไทย ราคาตกต่ำมาก

 

4.มาตรการ 3:1 มีการเรียกร้องขอผ่อนผันมาตรการ 3:1 อย่างต่อเนื่อง และนับตั้งแต่ปี 2560 ที่มีมาตรการ 3:1 ก็มีวัตถุดิบเพียงพอ และมีสินค้าคงเหลือเพื่อความปลอดภัย (Safety stock) อย่างเพียงพอ การกล่าวอ้างจึงเป็นเพียงเพื่อต้องการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น

5.การประกันรายได้เกษตรกรเป็นนโยบายที่ภาครัฐพึงมี ดังเช่นประเทศที่มีวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศที่เหลือส่งออก ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและมีรายได้เข้าประเทศ ส่วนหากข้าวโพดฯ เลี้ยงสัตว์ไทยไม่เพียงพอจริงราคาข้าวโพดฯ เลี้ยงสัตว์ไทยต้องอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องโดยภาครัฐไม่ต้องมาประกันรายได้ การประกันรายได้อาจเป็นการเอื้อต่อการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนได้

ทั้งนี้ข้ออ้างเพื่อขอนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

1. นำผลประโยชน์และความมั่นคงของกลุ่มรากฐานเศรษฐกิจไทยที่มีผลต่อเศรษฐกิจในทุกส่วนของเศรษฐกิจท้องถิ่น และภูมิภาคไทย โดยเฉพาะท้องถิ่นที่มีการทำไร่ทำนาในภาคกลาง เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือไปแลก เป็นการเพิ่มปัญหาเศรษฐกิจท้องถิ่นเพิ่ม เพิ่มการเหลื่อมล้ำระหว่างรายได้มากขึ้นด้วย

2. ปัจจัย ฝุ่น PM 2.5 มาอ้างการนำเข้าวัตถุดิบทดแทน ทำให้มาตรการห้ามเผาในแปลงเกษตรจะไม่กระทบส่งผลต่อการเลี้ยงสัตว์และปศุสัตว์ไทย ทั้งที่ความจริงวัตถุดิบหมวดคาร์โบไฮเดรตไทยในประเทศเพียงพอใช้ เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างหรือไม่

อย่างไรก็ดีการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนมีผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรและอาชีพที่เกี่ยวเนื่องหลายอาชีพ ถ้าการกระจายรายได้ของประเทศทำให้กำลังซื้อลดลง ถึงราคาเนื้อสัตว์ถูก แต่กำลังซื้อไม่มี ก็ไม่สามารถซื้อได้ แต่ถ้ามีกำลังซื้อราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น คนก็มีกำลังซื้อได้ แต่การที่ปล่อยให้มีการนำเข้าวัตถุดิบทดแทน จะทำให้ศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจที่มีโอกาสสูงกว่าได้เปรียบทางการแข่งขันมากขึ้น บริษัทที่แข่งขันไม่ได้ต้องค่อย ๆ เลิกไป ทำให้ยิ่งเกิดอำนาจทางธุรกิจมากขึ้น ส่วนการแข่งขันในตลาดโลกอาจเป็นเพียงข้ออ้างเนื่องจากส่วนใหญ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์บริโภคภายในประเทศ และอย่างไรเราก็มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศที่ส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะแข่งขันได้ขึ้นกับคุณภาพ ความปลอดภัย และรสชาติ

แหล่งข่าวกล่าวว่า ความพยายามที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และวัตถุดิบทดแทน เกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่มีการพูดถึงวัตถุดิบโลกคือวัตถุดิบของอาหารสัตว์ไทย วิธีที่จะทำได้มีทางเดียวคือทำให้ภาครัฐลดมาตรการปกป้องเกษตรผู้ปลูกพืชวัตถุดิบไทย จึงมีการจัดตั้งสมาคมหลายสมาคมส่วนใหญ่สมาชิกอยู่ในกลุ่มเครือบริษัทเดียวกันมาเป็นสหพันธ์เพื่อจะเรียกร้องต่อภาครัฐและราชการให้ยกเลิก ผ่อนผันมาตรการปกป้องชาวไร่ชาวนาผู้ปลูกพืชวัตถุดิบไทย

“หากรัฐบาลปัจจุบันและราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบทำตามกลุ่มทุนและธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศ มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วทุกท้องถิ่นเกษตรไร่นาไทยถึงขึ้นรุนแรงได้ในอนาคต หากภาครัฐจำเป็นต้องต่อรองจริง ขอให้ย้ายการนำเข้าข้าวสาลีอาหารสัตว์ กากถั่วเหลือง เมล็ดถั่วเหลืองและธัญพืชอื่นที่นำเข้าอยู่แล้ว ย้ายไปนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไม่ให้มีการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนไปมากกว่าปัจจุบันมาสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรไทยเพิ่มขึ้น เพราะถ้ารากฐานเศรษฐกิจยิ่งอ่อนแอจะยิ่งแก้ปัญหายากในอนาคต”