พาณิชย์ เปิดรับฟังความเห็น "ร่างกฎคุมรถโบราณ" ดันเก็บภาษีเพิ่ม 2 พันล้าน/ปี

10 มิ.ย. 2568 | 03:10 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มิ.ย. 2568 | 06:36 น.

กรมการค้าต่างประเทศ เปิดรับฟังความเห็น “ร่างประกาศควบคุมนำเข้ารถยนต์ใช้แล้ว” หรือ รถโบราณ หนุนธุรกิจรถโบราณ–ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ คาดจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มปีละ 2,000 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกำหนดข้อยกเว้นให้รถยนต์ใช้แล้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท 87.03 และรถยนต์ที่ใช้แล้วที่มีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไป (รถโบราณ) ตามพิกัดฯ 97.06 ที่เป็นรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ตามที่กรมสรรพสามิตกำหนด 

 

สามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 และวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งเห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ข้างต้น สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในประเทศ เช่น การประกวดรถยนต์โบราณ (Classic Cars) การจัดขบวนคาราวานรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เป็นต้น และส่งเสริมภาคธุรกิจรถยนต์โบราณ (Classic Cars) โดยจะสามารถสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การผลิตหรือบูรณะ 

 

พาณิชย์ เปิดรับฟังความเห็น \"ร่างกฎคุมรถโบราณ\" ดันเก็บภาษีเพิ่ม 2 พันล้าน/ปี

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลผ่านการจัดเก็บภาษี โดยคาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้เพื่อให้การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้สนใจ ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว 

 

พาณิชย์ เปิดรับฟังความเห็น \"ร่างกฎคุมรถโบราณ\" ดันเก็บภาษีเพิ่ม 2 พันล้าน/ปี

 

โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) และเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป