ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกด่วนที่สุดถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ข้อกังวลเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้ายางธรรมชาติ น้ำยางข้นสูตรเฉพาะ จากต่างประเทศ ของผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะเห็นว่าในปี 2567 ทั้งปีมีการนำเข้าน้ำยางข้นจำนวนสูงมากผิดปกติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและเป็นที่ประจักษ์ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายไม่อนุญาตให้นำเข้ายางธรรมชาติจากต่างประเทศทุกชนิดและมีการดำเนินการอย่างเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบการนำเข้ายางพาราบริเวณชายแดน
สมาคมฯ เห็นด้วยและสนับสนุนอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมการสมาคมฯดูรายละเอียดข้อมูลจาก "หนังสือสถิติยางประจำปี 2567 ฉบับที่2 พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542" ของ กองการยาง กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ส่งมาพร้อมนี้ พิจารณาจาก แผ่นที่ 1 ตารางที่ 1 (ผลผลิตยางธรรมชาติ) และ แผ่นที่ 2 ตารางที่ 12 (ปริมาณการนำเข้ายางแยกประเภทตาม พ.ร.บ. ควบคุมยาง พ.ศ. 2542) กลับพบว่า กรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศในปริมาณเยอะมาก การดำเนินการเช่นนี้
ดร.อุทัย กล่าวว่า ถือว่าขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสกัดกั้นยางเถื่อน แต่ในทางกลับกันกลับอนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจำนวนถึง 5,615 ตัน (เนื้อยางแห้ง)หรือประมาณ 9,358 ตันเศษ(น้ำยางข้น60%) ต่อปี ภายใต้ข้ออ้างว่าเป็น "น้ำยางข้นสูตรเฉพาะที่ทางผู้ผลิตกำหนด" ทั้งที่ประเทศไทยมีนักวิจัยและนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะพัฒนาสูตรพิเศษต่างๆ ได้เอง ไม่เกินขีดความสามารถของกรมวิชาการเกษตรและสมาคมฯคิดว่าคงเป็นข้ออ้างของผู้ประกอบการเหล่านี้เพื่อจะนำเข้ายางข้นจากต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าในประเทศไทยมากกว่า จริงๆแล้วเป็นเพียงน้ำยางข้นทั่วๆไปที่ผู้ประกอบการไทยผลิตอยู่แล้วนั้นเอง
การที่หน่วยงานของกระทรวงยังคงอนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้น จากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำยางข้นที่ซื้อภายในประเทศ กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคายางพาราในประเทศ และทำให้เกษตรกรชาวสวนยางต้องแบกรับภาระการขายยางที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอยู่ขณะนี้ แต่กลับให้มีการนำเข้ายางจากต่างประเทศมาอย่างถูกกฎหมายและได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจะทำให้ผู้ประกอบการยางไทยไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะต้องซื้อยางเกษตรกรชาวสวนยางที่สูงกว่าตามนโยบายของรัฐบาลอาจต้องล่มสลายไปได้ในที่สุดและจะกระทบเป็นลูกโซ่อย่างรุนแรงต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในอนาคตแน่นอน
อนึ่ง พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาตรา 5 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา 11 บัญญัติให้มีคณะกรรมการควบคุมยางคณะหนึ่ง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นเลขานุการ ผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้ควรให้ความเอาใจใส่ให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ดีทางสมาคมฯไม่มั่นใจว่าในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาปี 2568 จะมีตัวเลขการนำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศมากขึ้นมหาศาลจำนวนเท่าไรเพราะจากที่ได้สอบถามผู้ประกอบการน้ำยางข้นทราบว่าขายน้ำยางข้นได้ยากมากหลายโรงงานเริ่มปิดตัวเองหรือชะลอการซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรชาวสวนยางแล้วด้วย
ทางคณะกรรมการสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยจึงขอเรียนสอบถามถึง นโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการบริหารจัดการและควบคุมการนำเข้ายางพาราเพื่อให้สมาคมฯ สามารถนำคำตอบไปชี้แจงต่อสมาชิกเกษตรกรชาวสวนยางที่กำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและให้คำตอบโดยด่วนที่สุด