นายกฯ ถกด่วนพาณิชย์ คลอด 4 มาตรการคุมสวมสิทธิสินค้าส่งออกสหรัฐฯ

22 เม.ย. 2568 | 12:01 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2568 | 13:13 น.

นายกฯ แพทองธาร เรียกประชุมด่วน ออก 4 มาตรการคุมเข้มการออกหนังสือรับรองสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ แก้ปัญหาสวมสิทธิผ่านไทย

วันนี้ (22 เมษายน 2568)นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมด่วนเรื่องการป้องกันการสวมสิทธิสินค้าเฝ้าระวังไปสหรัฐอเมริกา โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้การส่งออกสินค้าเฝ้าระวังดังกล่าวไปสหรัฐฯ ต้องใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป โดยปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานที่สามารถออกหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป รวมทั้งสิ้น 3 หน่วยงาน ได้แก่ 

  • กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 
  • หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่า มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาผ่านไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ โดยใช้หนังสือรับรองฯ ของไทย ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ ภายหลังจากหารือร่วมกัน ที่ประชุมได้เสนอแนวทางการดำเนินการแก้ไข ดังนี้

1. มอบกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานออกหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป สำหรับสินค้าเฝ้าระวังไปสหรัฐฯ เพียงหน่วยงานเดียว

2. กรมค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะดำเนินการปรับปรุงกระบวนการการตรวจสอบก่อนออกใบรับรองโดยมีการตรวจโรงงานอย่างละเอียดและตรวจเอกสารการส่งออกอย่างเข้มงวด สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง โดยจะดำเนินการบูรณาการร่วมกับกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

3. กรมการค้าต่างประเทศได้หารือกับศุลกากรสหรัฐฯ (U.S. Customs and Border Protection: CBP) ถึงข้อกังวลและแนวทางดำเนินการร่วมกัน โดยจะจัดทำเป็นแนวทางการทำงานและการตรวจสอบร่วมกัน เพื่อให้ศุลกากรสหรัฐฯ ยอมรับการตรวจสอบของประเทศไทย นอกจากนั้นศุลกากรสหรัฐฯ จะอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของไทยต่อไป

4. ท่านนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาในในช่วงระยะเวลา 90 วันนี้ให้แล้วเสร็จ 

รวมถึงให้หาแนวทางในอนาคตที่จะมีการป้องกันสินค้าที่จะมาสวมสิทธิแล้วส่งออกไปยังประเทศปลายทางอื่นๆ ด้วยเพราะเนื่องจากกฎหมายที่ผ่านมาอาจจะล้าสมัยหรือไม่ได้ครอบคลุมการดำเนินการที่ผิดปกติหรือผิดกฎหมายดังเช่นปัจจุบัน

นายวุฒิไกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์รับจะไปหาแนวทางการใช้กฎหมายหรือมาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิด โดยจะดำเนินการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ และขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ดำเนินการแล้วระยะหนึ่งจะดำเนินการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่จำเป็นต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ท่านนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ความสำคัญอย่างยิ่งว่าในการออกมาตรการต่างๆ นั้น จะต้องไม่กระทบต่อการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกของไทยและที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ส่งออกไทยที่ปฏิบัติถูกต้องอยู่แล้ว จะต้องสามารถใช้บริการหรือออกหนังสือรับรองฯ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพเช่นเดิม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานอื่นๆ ก็พร้อมรับดำเนินการ