"พิชัย" ยันไทยไม่เลือกข้าง ย้ำเดินหน้าเจรจาสหรัฐฯ เน้นรอบครอบ

22 เม.ย. 2568 | 08:13 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2568 | 08:30 น.

“พิชัย” รมว.พาณิชย์ ยันไทยไม่เลือกข้าง พร้อมเดินหน้าเจรจาการค้าอเมริกา เน้นความรอบคอบ ไม่เลือกข้าง มั่นใจรักษาสมดุลสัมพันธ์มหาอำนาจ

วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่องกับสหรัฐฯ ผ่านหน่วยงาน USTR (Office of the United States Trade Representative) แต่จะเร่งรัดการเจรจาในเวลาที่เหมาะสม โดยเน้นความพร้อมและรายละเอียดครบถ้วนก่อนการพบปะ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เนื่องจากยังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลและข้อเสนอให้รอบด้าน พร้อมย้ำว่าการเจรจาต้องไปด้วยความพร้อม ไม่ใช่เพียงไปพบกันเฉยๆ โดยหวังว่าการหารือครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าไทยจะถูกกดดันให้เลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นายพิชัยยืนยันว่า ไทยไม่มีความจำเป็นต้องเลือกข้างใคร โดยระบุว่า ประเทศไทยไทยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทั้งสองประเทศ และกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ในการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับทุกประเทศ

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าได้หารือร่วมกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียน เพื่อเตรียมหารือร่วมกับสหรัฐฯ ในรูปแบบกลุ่มเช่นกัน พร้อมย้ำว่าการเจรจาใด ๆ ต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของเหตุผลและความร่วมมือ ไม่ใช่การเร่งรีบโดยขาดข้อมูล

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าได้หารือร่วมกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะมาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียน เพื่อเตรียมหารือร่วมกับสหรัฐฯ ในรูปแบบกลุ่มเช่นกัน พร้อมย้ำว่าการเจรจาใด ๆ ต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของเหตุผลและความร่วมมือ ไม่ใช่การเร่งรีบโดยขาดข้อมูล

นายพิชัยระบุว่า ในประเด็นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ ประกาศก่อนหน้านี้ แม้ตัวเลขภาษีอาจดูสูงจนสร้างความกังวลในวงกว้าง แต่เขาเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์เชิงจิตวิทยาของสหรัฐฯ และยังไม่ใช่ข้อยุติ 

ทั้งนี้ ไทยได้เตรียมข้อมูลและมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไว้แล้ว โดยรอผลการเจรจาที่ชัดเจนก่อนจึงจะพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเหมาะสม

ซึ่งไทยมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ และจะยังคงยึดแนวทางนี้ในการดำเนินนโยบายการค้าอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศต่อไป