แผนลอยฟ้า-ใต้ดิน-บนดินสะดุด 'ทางด่วนงามวงศ์วาน' เสี่ยงพับ

10 ธ.ค. 2568 | 04:30 น.

ถกประเด็น 'ทางด่วนงามวงศ์วาน' หลังแบบก่อสร้างทั้งลอยฟ้า-ใต้ดิน-บนดินล้วนถูกคัดค้านหนัก ขณะที่ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิเคราะห์ชัด “โครงการนี้มีโอกาสสูงที่จะไม่เกิดขึ้นจริง”

โครงการทางด่วนงามวงศ์วาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนขั้นที่ 3 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลังคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติให้ใช้เส้นทางสะพานพงษ์เพชร-ถนนงามวงศ์วาน-อุโมงค์เกษตร เป็นแนวทางดำเนินโครงการล่าสุด ทว่าเสียงตั้งคำถามยังดังต่อเนื่องว่าแผนนี้สามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่

โดย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กระบุว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาทางด่วนขั้นที่ 3 มาตั้งแต่ปี 2528 โดยตั้งใจสร้าง “ทางด่วนยกระดับตลอดเส้น” เพื่อแก้จราจรโซนรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน-เกษตร-นวมินทร์ แม้จะมีการสร้างตอม่อรองรับทางด่วนในช่วงปี 2539-2541 ไว้แล้ว แต่รัฐบาลหลายยุคกลับจัดลำดับความสำคัญโครงการนี้ไว้ท้ายคิว

ต่อมาในปี 2565-2567 กทพ.หันมาเสนอทางเลือกใหม่คือ “อุโมงค์ทางด่วนใต้ดิน” เพื่อลดแรงต่อต้านเรื่องผลกระทบทัศนียภาพรอบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม้จะเป็นอุโมงค์ลึกถึง 48.5 เมตร แต่ท้ายที่สุดแผนนี้ถูกพับไปในปลายปี 2567 หลังประเมินแล้วว่าใช้เงินลงทุนสูงมากและไม่คุ้มค่า โดยดร.สามารถให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า อุโมงค์ลึกระดับนี้มีความเสี่ยงด้านอากาศเสีย เหตุฉุกเฉิน และการอพยพผู้ใช้เส้นทาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ

เมื่อแผนลอยฟ้าและใต้ดินเดินหน้าไม่ได้ ข้อเสนอใหม่ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ “ทางด่วนระดับดิน” ใช้ผิวจราจรเดิมบนถนนงามวงศ์วานจำนวน 4 ช่องจราจรจากทั้งหมด 8 ช่อง รวมทั้งสะพานพงษ์เพชร สะพานบางเขน และอุโมงค์เกษตร เพื่อปรับเป็นเส้นทางด่วนเฉพาะ แต่ดร.สามารถตั้งข้อสังเกตว่า แนวคิดนี้จะทำให้ถนนงามวงศ์วาน “เป็นอัมพาตทันที” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีรถหนาแน่นอยู่แล้ว และยังมีรถเมล์เกิน 10 สายวิ่งประจำ

เขายังระบุว่า การนำผิวจราจรสาธารณะไปทำเป็นทางด่วนแบบ “เก็บค่าผ่านทาง” ถือเป็นการบีบบังคับผู้ใช้รถ ซึ่งไม่พบว่ามีประเทศใดใช้รูปแบบดังกล่าว ขณะที่อุโมงค์เกษตรเองก็ไม่เหมาะกับการนำมาใช้เป็นทางด่วน เพราะออกแบบเป็นอุโมงค์ทางลอดความเร็วต่ำ-ปานกลาง มีโค้งแคบและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหากถูกปรับให้รองรับความเร็ว 80-100 กม./ชม.

ดร.สามารถเสนอว่า ทางออกที่ยั่งยืนกว่าคือการเดินหน้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) ระยะทาง 22 กิโลเมตร ซึ่งถูกบรรจุในแผนแม่บทรถไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2556 โดยเขาเชื่อว่ารถไฟฟ้าจะช่วยลดปริมาณรถบนพื้นถนนได้จริง ไม่เบียดเบียนผิวการจราจร และปลอดภัยต่อประชาชนมากกว่าโครงสร้างทางด่วนในทุกแบบที่เคยเสนอมา

ท้ายที่สุด ดร.สามารถเชื่อมั่นว่า เชื่อมั่นว่าไม่มีใครจะกล้าสั่งให้ กทพ.สร้างทางด่วนบนดินช่วงสะพานพงษ์เพชร-อุโมงค์เกษตรแน่นอน เพราะผลกระทบหนักเกินกว่าประโยชน์ที่จะได้ และจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมหาศาล พร้อมตั้งคำถามว่าในสถานการณ์เช่นนี้ “ใครจะกล้าสร้าง?”