‘รฟท.’ เข็นแพ็คเกจ ชงครม.ประมูล ‘ 6 รถไฟทางคู่ เฟส 2 ’ แตะ 2.9 แสนล้าน

17 พ.ย. 2568 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2568 | 02:30 น.

‘รฟท.’ จ่อชงครม.ไฟเขียว 6 รถไฟทางคู่ เฟส 2 ’ แตะ 2.9 แสนล้านบาท ภายในเดือนธ.ค.นี้ นำร่องเปิดประมูล 3 เส้นทางสายใต้ ภายในปี 69 เล็งปรับแบบรวมสัญญาเดียว ปิดช่องปัญหาส่งมอบพื้นที่ล่าช้า หวั่นกระทบแผนเปิดให้บริการ

KEY

POINTS

  • รฟท. เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง วงเงินรวมเกือบ 2.9 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอให้เห็นชอบในหลักการภายในเดือนธันวาคมนี้
  • โครงการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก 3 เส้นทาง (สายใต้) ผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒน์ฯ แล้ว และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในปี 2569
  • มีการปรับรูปแบบการประมูลเพื่อป้องกันการฮั้ว โดยจะทยอยเปิดประมูลทีละเส้นทาง และรวมสัญญางานโยธาเข้ากับระบบอาณัติสัญญาณเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าเหมือนในเฟสแรก

นายอนันต์  โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง วงเงินรวม  297,924 ล้านบาท

ขณะนี้รฟท. ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมและส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมและกรมรางแล้ว ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่กระทรวงคมนาคมเพื่อประมวลความเห็นทั้งหมดจากสภาพัฒน์ฯ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง 

ที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เห็นชอบให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว กลุ่มแรก จำนวน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 30,422 ล้านบาท

 2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท และช่วง 3.ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท

ทั้งนี้อีก 3 เส้นทาง กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,095 ล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท

ปัจจุบันสภาพัฒน์ฯ ให้ความเห็นว่า ข้อมูลการวิเคราะห์และประมาณการยังไม่สะท้อนจุดสำคัญที่ต้องเป็นทางคู่จริง จึงให้ทบทวนและปรับปรุงข้อมูล

ซึ่งรฟท.ดำเนินการเสร็จแล้ว โดยส่งข้อมูลชี้แจงไปยังสภาพัฒน์ฯ แล้ว คาดว่ารถไฟทางคู่ จำนวน 6 เส้นทาง จะเสนอต่อที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักการของแต่ละโครงการไว้ก่อน ภายในเดือนธันวาคมนี้  
 

อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 เส้นทางในกลุ่มที่ 2 คาดว่าจะเสนอต่อครม.กลับมาอีกครั้งภายในเดือนมกราคม 2569 จากนั้นใช้เวลาเตรียมการและประมูลรวมกันอย่างน้อย 5 เดือน นับจากวันที่ ครม. มีมติอนุมัติ หรือเปิดประมูลได้ใน 3 เส้นทางกลุ่มแรกภายในปี 2569  

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนการประมูลโครงการแต่ละเส้นทาง มองว่าจะเปิดประมูลไม่พร้อมกัน ตามแผนจะเปิดประมูลห่างกัน 2 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านกลุ่มผู้เข้าร่วมประมูล เนื่องจากที่ผ่านมาจากประสบการณ์การเปิดประมูลรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายบ้านไผ่-นครพนม พร้อมกัน ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เอกชนผู้เข้าร่วมเกิดฮั้วประมูลได้   

นอกจากนี้จากบทเรียนของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 ทำให้รฟท.มีแผนรวมสัญญางานโยธาและงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ เข้าไว้ในสัญญาเดียว เนื่องจากหากมีการแยกสัญญาในระยะที่ 1 ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการประสานงาน และการส่งมอบพื้นที่ระหว่างงานโยธาและงานอาณัติสัญญาณล่าช้า ส่งผลให้เกิดข้อพิพาทกับผู้รับจ้าง

สำหรับการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จะใช้โมเดลการส่งมอบสิ่งปลูกสร้าง เช่น สะพานข้าม อุโมงค์ลอด ให้กับรฟท. ดูแล เพื่อป้องกันปัญหาการถูกขโมย หรือน้ำท่วม 
 

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงหาดใหญ่ – สงขลา ปัจจุบันพบว่าเคยเป็นเส้นทางที่เคยปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2521 และถูกบุกรุกพื้นที่ตลอดเส้นทาง ระยะทางเกือบ 20 กิโลเมตร 

ขณะเดียวกันจากปัญหาดังกล่าวรฟท.อยู่ระหว่างหาแนวทางพิจารณาออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) เป็น 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 ช่วงสุราษฎร์ธานี – ทุ่งสง ,สัญญาที่ 2 ช่วงทุ่งสง - หาดใหญ่

และสัญญาที่ 3 ช่วงหาดใหญ่ – สงขลา โดยการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงานในครั้งแรก มีเงื่อนไขให้ผู้รับจ้างเข้าเริ่มงานได้ เมื่อได้รับพื้นที่ 70-80% 

ทั้งนี้รฟท.ได้ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และหน่วยงานในจังหวัดสงขลาเพื่อจัดหาที่อยู่ใหม่ ให้กับผู้บุกรุก โดยจะใช้วิธีการรื้อย้ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป คล้ายโมเดลที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์