‘ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง’ วุ่น ‘พิพัฒน์’ สั่งรื้อแบบสร้างอุโมงค์ใหม่

30 ต.ค. 2568 | 00:05 น.

‘พิพัฒน์’ สั่งปรับแบบอุโมงค์ใหม่เหลือ 10 เมตร หลังกทพ.เตรียมเปิดประมูลสร้าง ‘ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง’ เตรียมโยนกรมทางหลวงสานต่อ หวังประหยัดต้นทุน ลุ้นครม.ไฟเขียว พ.ย.นี้

KEY

POINTS

  • รัฐมนตรีคมนาคมสั่งโอนโครงการจาก การทางพิเศษฯ (กทพ.) ให้กรมทางหลวง (ทล.) ดูแล เพื่อยกเลิกการเก็บค่าผ่านทางช่วงอุโมงค์ ลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
  • มีการสั่งให้ปรับแก้แบบก่อสร้างอุโมงค์ โดยลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางจากเดิม 17 เมตร เหลือ 10 เมตร ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรมและเพื่อลดงบประมาณการลงทุน
  • การปรับแก้แบบอุโมงค์ใหม่อาจส่งผลให้ต้องยกเลิกช่องทางสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งประเด็นนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการทางพิเศษระยะที่ 1 ช่วงกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต หรือ โครงการอุโมงค์ป่าตอง นั้น ตามแผนเดิมโครงการช่วงอุโมงค์ป่าตองอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งรูปแบบเป็นทางพิเศษที่มีการเก็บค่าผ่านทาง 

“ในรัฐบาลนี้มีนโยบายชัดเจนในการลดภาระค่าครองชีพประชาชน จึงได้มอบหมายให้ปรับโครงการมาอยู่ภายใต้การดูแลของกรมทางหลวง (ทล.) และปรับรูปแบบให้เป็นทางหลวงทั่วไป โดยโอนโครงการนี้มาอยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง ทำให้โครงการนี้ไม่ต้องเก็บค่าผ่านทางช่วงที่เป็นอุโมงค์ ซึ่งจะช่วยลดภาระประชาชนโดยตรง” นายพิพัฒน์ กล่าว 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตามแผนทางกระทรวงคมนาคมจะหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ โดยจะใช้ผลการศึกษาเดิมของกทพ. เป็นฐาน 

ทั้งนี้จะแก้ไขเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับขนาดอุโมงค์และรูปแบบโครงการเท่านั้น คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนพฤศจิกายนนี้หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินเดือนธันวาคม 2568 เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ตามแผนโดยเร็วที่สุด 
 

ส่วนการปรับขนาดอุโมงค์ของโครงการฯจากเดิมเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เมตร เหลือ 10 เมตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ งบประมาณ และมาตรฐานความปลอดภัยด้านวิศวกรรม เนื่องจากการเจาะอุโมงค์ขนาดใหญ่ถึง 17 เมตรอาจมีความเสี่ยงด้านโครงสร้าง 

นอกจากนี้ยังต้องใช้ผนังรับแรงขนาดใหญ่และหนามาก ซึ่งฝ่ายวิศวกรรม รวมถึงอธิบดีกรมทางหลวงได้เสนอความเห็นไม่เห็นด้วยกับขนาดเดิม จึงเห็นควรให้ปรับเหลือ 10 เมตร ซึ่งปลอดภัยกว่าและคุ้มค่ากว่า โดยการปรับลดขนาดนี้จะช่วยให้วงเงินลงทุนลดลงอีกด้วย

ทั้งนี้การปรับขนาดอุโมงค์ใหม่อาจทำให้ไม่มีช่องทางแยกสำหรับรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างพิจารณา โดยฝ่ายวิศวกรรมให้เหตุผลว่า เลนจักรยานยนต์แยกเฉพาะอาจไม่จำเป็น เนื่องจากระยะอุโมงค์เพียง 3 กิโลเมตร สามารถใช้ช่องทางเดียวกันได้ เพราะมีมาตรการความปลอดภัยควบคู่ได้ 

ขณะที่ด้านสิ่งแวดล้อมนั้น พบว่าการลดขนาดอุโมงค์จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเพิ่มเติม จากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เดิม เนื่องจากขนาดโครงสร้างเล็กลงและพื้นที่ก่อสร้างลดลง เบื้องต้นคาดว่ากรมทางหลวง(ทล) จะมีข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
 

สำหรับโครงการทางพิเศษระยะที่ 1 ช่วงกะทู้–ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร ปัจจุบันกทพ.อยู่ในขั้นตอนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและจัดหาผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างก่อสร้างงบประมาณในการดำเนินการ 16,757 ล้านบาท เป็นงบก่อสร้าง10,965 ล้านบาท และ เป็นงบเวนคืน 5,792 ล้านบาท 

ที่ผ่านมา ครม.มีมติอนุมัติโครงการเมื่อ เดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยกทพ.ได้เวนคืนที่ดินแล้ว 75 %  ตามแผนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในเดือนเมษายน 2569 ก่อนเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายน 2573

นอกจากนี้โครงการฯ มีจุดเริ่มต้นโครงการ แนวเส้นทางเริ่มต้นที่ ต.ป่าตอง บริเวณจุดตัดถนนพระเมตตา ก่อสร้างเป็นทางยกระดับและอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง)

 โดยเป็นทางยกระดับข้ามถนนพิศิษฐ์กรณีย์ จนถึงเขานาคเกิด ระยะทาง 0.9 กม. จากนั้นจึงเป็นอุโมงค์คู่ระยะทาง 1.85 กม. ลอดเทือกเขานาคเกิด หลังจากนั้นเป็นทางยกระดับอีก 1.23 กม. จนสิ้นสุดโครงการที่ ต.กะทู้ บริเวณจุดตัดกับ ทล. 4029 (ถนนพระบารมี)