'ฝ่ายค้าน' หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้ 'สร้างไปจ่ายไป' เอื้อนายทุน

03 ต.ค. 2568 | 08:34 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 08:50 น.

ประธาน กมธ.งบฯ หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน หลังโครงการล่าช้า '7 ปี 5 รัฐบาล' ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง ระบุอัยการสูงสุดชี้การแก้สัญญาเป็น “การเปลี่ยนหลักการใหญ่” ต้องเข้า ครม.ใหม่ และไม่ได้ตรวจประเด็นเทคนิค/การเงิน เตือนเปิดช่อง “สร้างไปจ่ายไป”เอื้อนายทุน

KEY

POINTS

  • ฝ่ายค้านสนับสนุนการตัดสินใจของกระทรวงคมนาคมที่ล้มแผนแก้สัญญารถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและยึดมั่นในสัญญาเดิม หลังจากโครงการล่าช้ามานานกว่า 7 ปี
  • ประเด็นสำคัญที่คัดค้านคือการเปลี่ยนเงื่อนไขการจ่ายเงินเป็นแบบ "สร้างไปจ่ายไป" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนโดยตรง เพราะช่วยลดภาระการกู้เงินและต้นทุนทางการเงินมหาศาล และอาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงผลการประมูลเดิมได้
  • ฝ่ายค้านไม่เรียกร้องให้ยกเลิกสัญญา แต่เตือนว่าการยอมแก้ไขสัญญาจะเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย ทำให้เอกชนสามารถขอผลประโยชน์เพิ่มหลังชนะประมูล ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประเทศและประชาชนในระยะยาว

จากกรณีที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตัดสินใจล้มแผนแก้สัญญา 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' โดยให้เหตุผลว่า ไม่เห็นด้วยประเด็น 'สร้างไปจ่ายไป' โดยจะนัดผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บ.เอเชีย เอราวัณ (ซีพี) , สำนักงานอีอีซี , รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปภายใน 4 เดือน หลังโครงการนี้ล่าช้ามากกว่า 6-7 ปี

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธาน กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นภายในรายการ 'ฐานทอล์ค' ว่า หลังโครงการล่าช้ากว่า '7 ปี ผ่านมา 5 รัฐบาล' ขณะนี้ถึงเวลาที่ฝ่ายบริหารต้อง “กล้าตัดสินใจ” ภายใน 4 เดือน ไม่ปล่อยให้ทุกอย่าง 'วนมึน' ต่อไป โดยล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯและรมว.คมนาคม ส่งสัญญาณ 'ค้านการแก้ไขสัญญา'” และให้ดำเนินตามสัญญาเดิม เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

“มันต้องมีคนตัดสินใจว่าคุณจะไปซ้ายหรือไปขวา ทุกด้านมีข้อได้ข้อเสีย แต่ถ้าไม่ตัดสินใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์ ประชาชนไม่ได้ใช้ เอกชนก็งึกงัก รัฐก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร” สุรเชษฐ์กล่าว

7 ปี 5 รัฐบาล : โครงการรถไฟไฮสปีด 3 สนามบิน

สุรเชษฐ์สรุปว่ารัฐบาลมี 2 ทางเลือกหลัก

  1. เดินหน้าแก้สัญญา ตามกรอบที่ผลักดันกันมา โดยผู้สนับสนุนอ้างผลกระทบจากโควิด-19 และสงครามรัสเซีย–ยูเครน แต่หากจะเยียวยา “ต้องระบุตัวเลขชัดเจน” ว่าขอเท่าใด ก่อนพิจารณาวิธี เช่น แก้สัญญา ใช้งบส่วนอื่น หรือขยายสัมปทาน
  2. พอแค่นี้แล้วเดินตามสัญญาที่เซ็นกันไว้ ไม่เปิดช่องแก้ไขเงื่อนไขสำคัญภายหลัง โดยสุรเชษฐ์ตีความว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลกำลังเลือกทางที่ 2

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธาน กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร

สร้างไปจ่ายไปเอื้อนายทุน

สำหรับประเด็นใหญ่ที่คัดค้าน คือข้อเสนอ เปลี่ยนงวดเงินจาก 'สร้างเสร็จค่อยจ่าย' เป็น 'สร้างไปจ่ายไป' โดยเดิมทีเอกชนต้องกู้เงินหลักแสนล้านบาทเพื่อก่อสร้างให้แล้วเสร็จ จาดนั้นเมื่อเปิดให้ใช้บริการได้จริง รัฐจึงจะทยอยจ่าย ตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไปในจำนวนเท่า ๆ กัน รวม 10 งวด แต่ร่างแก้สัญญาจะให้รัฐจ่ายตั้งแต่ปีที่ 1–5 ตามความคืบหน้าก่อสร้าง

'ฝ่ายค้าน' หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้ 'สร้างไปจ่ายไป' เอื้อนายทุน 'ฝ่ายค้าน' หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้ 'สร้างไปจ่ายไป' เอื้อนายทุน

“นี่คือ แหล่งผลประโยชน์ เพราะเอกชนไม่ต้องกู้เงินมหาศาล ต้นทุนการเงินและหลักประกันลดลงมาก ใครทำธุรกิจก็อยากได้ แท่งสีแดง ที่ได้เงินก่อน…ถ้าสัญญาใหม่ไม่ดีกว่า เอกชนจะยอมเซ็นหรือ?” สุรเชษฐ์ตั้งคำถาม

อย่างไรก็ตาม แม้เอกสารฝ่ายแก้สัญญาอ้างว่าการเปลี่ยนดังกล่าวทำให้วงเงินรัฐอุดหนุนจาก 149,650 ล้านบาท เหลือ 125,932.54 กว่าล้านบาท ประหยัด ราว 24,000 ล้านบาท แต่หากจะเปลี่ยนเงื่อนไขหลักขนาดนี้ควรตั้งคำถามว่า 'ทำไมไม่เปิดประมูลใหม่' เพราะ 'อาจถึงขั้นเปลี่ยนผู้ชนะได้เลย'

สุรเชษฐ์ยังอ้างหนังสือราชการของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่ระบุว่า การแก้ไขที่เสนอเป็น 'การเปลี่ยนหลักการใหญ่' จึงต้องเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติใหม่ และใน “ข้อ 18” ระบุว่าอัยการพิจารณาเฉพาะประเด็นกฎหมาย ไม่ได้ตรวจประเด็นทางเทคนิคและการเงิน ซึ่งเวลาจะเอื้อผลประโยชน์กัน มักใช้ เทคนิคทางการเงินจากการปรับงวดเงิน

'ฝ่ายค้าน' หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้ 'สร้างไปจ่ายไป' เอื้อนายทุน 'ฝ่ายค้าน' หนุนล้มแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ชี้ 'สร้างไปจ่ายไป' เอื้อนายทุน

“เปลี่ยนจากสร้างเสร็จค่อยจ่ายเป็นสร้างไปจ่ายไปผลประโยชน์หลายพันล้านซ่อนอยู่ในนี้” สุรเชษฐ์กล่าวย้ำ

ไม่หนุนยกเลิกสัญญา-รัฐต้องเด็ดขาด

นอกจากนี้หากมองในมุมเอกชนที่ต้องการแก้ไขสัญญา อาจเกิดข้อกังวลเรื่องประวัติการจ่ายเงินล่าช้าของรัฐ โดยเฉพาะ รฟท. สุรเชษฐ์ตอบว่า หากกังวลเงื่อนไขตั้งแต่แรกก็ไม่ควรมาประมูล และในทางสัญญา เอกชนมีสิทธิฟ้องเรียกดอกเบี้ย/ค่าเสียหาย (ค่าโง่) ได้อยู่ดี พร้อมย้ำว่าขณะนี้ประมูลไปแล้ว ได้ผู้ชนะแล้ว เงื่อนไขชัดเจนแล้ว จึงควรเดินตามสัญญา

อย่างไรก็ตาม 'สุรเชษฐ์' ไม่ได้เรียกร้องให้ยกเลิกสัญญา เพราะผู้ที่แจ้งยกเลิกก่อนต้องรับผิดตามสัญญา แต่ย้ำว่ารัฐ ต้องตัดสินใจให้ชัด และ อย่ากลับลำ เหมือนในรัฐบาลก่อนที่จาก 'ไม่เลื่อน–ไม่แก้' กลายเป็น 'เลื่อนเพื่อแก้' จนเกิดมรดกบาปมาถึงปัจจุบัน พร้อมเตือนว่าหากการแก้สัญญาสำเร็จ 'ประเทศอันตรายมาก' เพราะจะกลายเป็นแบบอย่างว่าประมูลให้ได้ก่อนแล้วค่อย make a deal ขอผลประโยชน์เพิ่มทีหลัง ซึ่งประชาชนเสียประโยชน์เต็ม ๆ

 

ทางเลือกหากไม่มีไฮสปีด 3 สนามบิน

ทางออกเชิงประชาชนทันที สุรเชษฐ์เสนอให้เร่งใช้ รถไฟทางคู่ทางขนาด 1 เมตร ที่ วิ่งถึงศรีราชาแล้ว และเตรียมขยายไป ระยอง–จันทบุรี–ตราด โดย

  • จัดหา “ขบวนรถไฟดี ๆ” ให้บริการ
  • ปรับรูปแบบหยุดสถานีแบบ skip-stop เพื่อเพิ่มความเร็ว
  • อัปเกรดระบบไฟฟ้า ให้ทำความเร็ว 160 กม./ชม. (ไฮสปีด 250 กม./ชม. แต่ไม่ได้วิ่งเต็มความเร็วตลอดทางเพราะต้องชะลอเข้า–ออกสถานี)

ทั้งนี้ สุรเชษฐ์ระบุว่าปัจจุบัน ทางคู่ที่กล่าวถึงมีผู้ใช้เพียงวันละ 1 เที่ยว จึงต้องวางระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อสถานีเพื่อสร้างฐานผู้ใช้ให้มากพอ ก่อนพิจารณาการลงทุนเพิ่มในอนาคต

ในช่วงสัปดาห์หน้า มีกำหนด เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ EEC, รฟท., กระทรวงคมนาคม, BOI และ เอกชน เพื่อตัดสินอนาคตโครงการ โดยสุรเชษฐ์ขอให้สังคม จับตาว่า รมว.คมนาคมจะยืนจุดเดิม ที่ 'ไม่เลื่อน–ไม่แก้' และดำเนินตามสัญญาเดิมจริงหรือไม่

“ระหว่างรัฐกับเอกชนไปถกกันเรื่องใครผิด–ลงโทษกันอย่างไร อย่าให้ประชาชนเสียประโยชน์…หา ‘ขบวนดี ๆ’ มาวิ่งบนทางคู่ที่มีอยู่ให้บริการทันที สร้างฐานผู้ใช้ไว้ก่อน เมื่อมากพอค่อยพิจารณาอีกคู่หนึ่งในอนาคต” สุรเชษฐ์ทิ้งท้าย

สุรเชษฐ์ยังสะท้อนกรอบเวลาโดยย้ำว่า หากนับช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่รวม อาจยืดเป็นราว 9 เดือน แต่สาระสำคัญคือต้อง 'เคาะ' ภายใน 4 เดือนนี้ เพื่อไม่ให้โครงการยืดเยื้อจนประชาชนเสียโอกาสอีกต่อไป.