KEY
POINTS
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เตรียมประมูลโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) หรือรถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน ด้วยราคากลางประมูลที่ 15,301.380 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ในกรอบวงเงินลงทุนโครงการ 15,355.60 ล้านบาท จำนวน 54.22 ล้านบาท
คณะกรรมการกำหนดราคากลาง ที่มีนายวิโรจน์ แหวนทองคำ เป็นประธานกรรมการ ได้สำรวจข้อมูลราคาอ้างอิงเมื่อ 19 กันยายน 2568 จาก 4 บริษัท ดังนี้ 1. บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด, 2. บริษัท เฟิสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด 3. บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด, 4. บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ปรากฎว่าได้ราคากลางที่อัตราค่าเช่า 19.70 บาทต่อกิโลเมตร รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,301.380 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ด้านการต่างประเทศ การคมนาคม การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม) ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ดังนี้
ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพชี้แจงว่า โครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถโดยสารเดิมขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20-30 ปี และมีปัญหาด้านการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) โดยวิธีการเช่าเป็นระยะเวลา 7 ปี
นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ยังสามารถถ่ายโอนความเสี่ยงด้านการจัดหารถและบำรุงรักษาต่าง ๆ ให้แก่เอกชนได้ รวมทั้งช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมในเมืองดีขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจัดซื้อมาแล้ว จำนวน 489 คัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2556 เรื่อง โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซลขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ] ยังมีสภาพดีและสามารถนำมาใช้งานต่อไปได้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจึงจะยังไม่มีการปลดระวางรถดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีข้อสังเกต ว่าโดยที่ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มชะลอตัว ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมแข่งขันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการกำหนดให้ผู้ประกอบการผลิตรถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 หรือในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยต่อไป
กระทรวงคมนาคม โดยขสมก. ควรพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ที่จะเช่าเพิ่มเติม จำนวน 1,520 คัน ในครั้งนี้ สามารถรองรับการใช้บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆ นอกจากบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของขสมก. เช่น บัตรรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ หรือบัตรเรือโดยสาร รวมทั้งรองรับการพัฒนาระบบตั๋วร่วมที่จะดำเนินการในระยะต่อไปด้วย เพื่อลดภาระให้ผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะไม่ต้องพกบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภ
หลังพิจารณาในประเด็นต่างๆคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงมีมติอนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 ที่อนุมัติให้ขสมก.ดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน เพื่อนำมาให้บริการทดแทนรถโดยสารเดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล ในวงเงินรวม 13,162.20 ล้านบาท และให้ขสมก.ดำเนินโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งมีความพร้อมในการดำเนินการในขณะนี้ ในกรอบวงเงินลงทุนโครงการ 15,355.60 ล้านบาท และให้ขสมก.เป็นผู้บริหารโครงการ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2575 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
นอกจากนี้ยังอนุมัติให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น
กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ที่จะเช่า ควรเป็นรถโดยสารที่ผลิตในประเทศ และใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ เช่น แบตเตอรี่ และตัวถังรถยนต์โดยสาร เพื่อส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนภายในประเทศ รวมทั้ง สนับสนุนการจ้างงาน และการพัฒนาแรงงานฝีมือ เพื่อสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาค
รวมทั้งยังมีมติให้ขสมก. พิจารณาดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) โดยคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1.ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมแข่งขันอย่างเป็นธรรม
2.กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการผลิตรถโดยสารประจำทางปรับอากากาศพลังงานสะอาด (EV) ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 หรือในสัดส่วนที่เหมาะสม
3.กำหนดเงื่อนไขให้รถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ที่จะเช่าเพิ่มเติม จำนวน 1,520 คัน ในครั้งนี้ สามารถรองรับการใช้บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆ นอกจากบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เช่น บัตรรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ หรือบัตรเรือโดยสาร รวมทั้งรองรับการพัฒนาระบบตั๋วร่วมที่จะดำเนินการในระยะต่อไปด้วย
ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ขสมก. รับความเห็นของกรุงเทพมหานคร ที่เห็นควรจัดหารถโดยสารที่มีคุณลักษณะที่เหมาะสมต่อการให้บริการในเขตเมือง การวางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในทุกด้าน
รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสนใจและความเชื่อมั่นในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และการวางแผนการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สามารถขับเคลื่อนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย