“รฟท.” สั่งปรับรูปแบบสะพานชุมทางบ้านภาชี สร้าง “ไฮสปีดไทย-จีน” เฟส 1

14 ก.ค. 2568 | 09:58 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2568 | 10:04 น.

“รฟท.” แจงปม กสม. ชี้“ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 1” ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา ละเมิดสิทธิฯ ขาดส่วนร่วมประชาชนในพื้นที่หนองแซง สระบุรี สั่งปรับแบบก่อสร้างสะพานลอด 400 เมตร หวังลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระบุถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชี – นครราชสีมา ละเมิดสิทธิมนุษยชน

เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เขตอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีนั้น ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อห่วงกังวลต่างๆ ของประชาชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา นั้น พบว่ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้จัดทำอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับแรกในปี 2556 ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา MAA 

“รฟท.” สั่งปรับรูปแบบสะพานชุมทางบ้านภาชี สร้าง “ไฮสปีดไทย-จีน” เฟส 1

ส่วนฉบับที่สองในปี 2560 เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งทั้งสองฉบับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว
 

รายงานข่าวจากรฟท. กล่าวต่อว่า ประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างแบบคันทางระดับดินที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอหนองแซงนั้น 

“รฟท.” สั่งปรับรูปแบบสะพานชุมทางบ้านภาชี สร้าง “ไฮสปีดไทย-จีน” เฟส 1

ทั้งนี้การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและพิจารณาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม โดยปรับรูปแบบการก่อสร้างบางส่วนเป็นสะพานช่องลอด ความยาวประมาณ 400 เมตร เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่สองฝั่งชุมชน ลดผลกระทบด้านการสัญจร ทัศนียภาพ และการระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำแบบรายละเอียดในการก่อสร้าง
 

สำหรับข้อสังเกตของ กสม. เกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำ EIA นั้น ยืนยันว่า การรถไฟฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

“รฟท.” สั่งปรับรูปแบบสะพานชุมทางบ้านภาชี สร้าง “ไฮสปีดไทย-จีน” เฟส 1

อย่างไรก็ดีการรถไฟฯพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ดีขึ้นในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล และแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย