ด่วน มติครม. ถอนร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex จากสภาฯ

08 ก.ค. 2568 | 04:56 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2568 | 05:13 น.

มติครม.ล่าสุดวันนี้ ถอนร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex ออกจากสภา หลังเสียงคัดค้านรุนแรงและรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 8 ก.ค.68 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการพิจารณาประเด็นสำคัญหลายวาระ

 

โดยหนึ่งในนั้น ครม. ได้มีมติขอถอนร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเดิมมีกำหนดการจะนำเสนอในวาระแรกในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568

 

สาเหตุหลักมาจากเพื่อทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชนให้มากขึ้น หลังจากมีข้อขัดแย้งในสังคมที่มีความเห็นแตกต่างเกี่ยวกับกฎหมายนี้ และความกังวลของรัฐบาลที่อาจถูกโหวตคว่ำในสภา

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ออกจากระเบียบวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

 

เหตุผลสำคัญที่ครม.ใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ประกอบกับสาระของร่างกฎหมายฉบับนี้มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคมจำนวนมาก ซึ่งยังจำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจร่วมกับภาคประชาชนอย่างรอบด้าน

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกควบคุมการประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร โดยแบ่งโครงสร้างการกำกับดูแลออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

 

ทั้งนี้ ภายในร่างกฎหมายยังระบุถึงการจัดตั้งสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการที่มีอำนาจออกใบอนุญาต วางหลักเกณฑ์กำกับดูแล และควบคุมให้ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรดำเนินการอย่างเหมาะสมและอยู่ภายใต้กรอบมาตรฐาน

 

ร่างกฎหมายฉบับนี้เคยเป็นหนึ่งในความพยายามของกระทรวงการคลังในการผลักดันแนวคิด “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หรือการเปิดเสรีธุรกิจบันเทิงแบบครบวงจร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการรั่วไหลของรายได้จากนักท่องเที่ยวและดึงการลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในประเทศ แต่ก็ถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น

 

การถอนร่าง พ.ร.บ.ครั้งนี้ จึงเป็นทั้งการพักกระบวนการนิติบัญญัติชั่วคราว และการเปิดโอกาสให้มีการทบทวนเนื้อหาและรับฟังความคิดเห็นจากสังคมในวงกว้างมากขึ้น ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ อีกครั้งในอนาคต