เจาะโมเดล 'Thailand Entertainment Complex' ปิดจุดอ่อนการท่องเที่ยว

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดแผนการพัฒนาโครงการ “Thailand Entertainment Complex” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการเสริมสร้างการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ในการยกระดับการท่องเที่ยวไทยไปสู่ระดับโลก พร้อมกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนที่มีมูลค่ามหาศาล

 

ภาคการท่องเที่ยวไทย เครื่องยนต์สำคัญที่ต้องการการปรับปรุง

 

นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ประเทศไทยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเราประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบริการภาคโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร สปา เครื่องดื่ม เป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญมากกับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของไทย
ประเทศไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลกติดท็อปเท็นมาตลอด ถ้าดูย้อนหลังไปช่วงก่อนโควิด 18% ของจีดีพีเป็นรายได้ที่มาจากภาคการท่องเที่ยวทางตรง ยังไม่นับรวมทางอ้อมที่มาจากการจ้างงานอีก 8 ล้านคน

 

ถึงแม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาใกล้เคียงสมัยก่อนโควิดแล้ว แต่เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังค่อนข้างผันผวน ประเทศไทยจึงต้องเปลี่ยนโฟกัสจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา เป็นการเพิ่มรายได้ต่อหัวที่ได้จากนักท่องเที่ยว ปัจจุบันรายได้ต่อหัวต่อวันอยู่ประมาณ 5,000-6,000 บาท และระยะเวลาที่เขาเที่ยวอยู่ในประเทศประมาณ 8-10 วัน

นอกจากนี้ การแข่งขันในประเทศเพื่อนบ้านหรือในโลกมีความเข้มงวดและดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ Man-made destination ต่างๆ อย่างที่เห็นในเวียดนาม เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวไปได้ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อย่าง exclusive concert หรือ managed destination ในสิงคโปร์ก็สามารถยกระดับการท่องเที่ยวของเขาไปได้

 

ยุทธศาสตร์ปัจจุบันของประเทศไทย

 

นายศึกษิษฏ์ เล่าว่าปัจจุบันเรามี 3 นโยบายหลัก 1. Global Event งานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ อย่าง F1 ที่ท่านน่าจะได้ยินเร็วๆ นี้ งานวิจิตรภาคแสงสีเสียงระดับโลก งานมหาสงกรานต์ที่สามารถดึงดูดผู้ชมนักท่องเที่ยวเข้ามากว่าหนึ่งล้านคน รวมถึงกีฬาต่างๆ เช่น วอลเลย์บอล Nations League และในช่วงกลางปีจะมี Festival ขนาดใหญ่

 

2. การเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยว Health and Wellness เราโด่งดังอยู่แล้วในด้านการนวดสปาและแพทย์แผนไทย นอกจากนี้ยังมีการผลักดันการแพทย์สมัยใหม่ อย่าง Cell-based Therapy เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในมุมของ Anti-aging
การยกระดับผ่านอนุกรรมการ Soft Power ทั้ง 11 ด้าน และแคมเปญ Five Must-do ในประเทศไทย

3. การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน กระเช้าที่ภูกระดึง ตอนนี้อยู่ในช่วงการออกแบบแล้ว การศึกษาครุยเซอร์เทอร์มินัลที่สมุย ซึ่งจะรองรับเรือครุยขนาดใหญ่รวมถึงซีเพลนได้ด้วย

 

Entertainment Complex คือคำตอบ?

 

นายศึกษิษฏ์ ระบุว่า Entertainment Complex จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนมาลงทุนในเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ ดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาในประเทศ สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ สร้างคอนเทนต์ใหม่ผ่านการสร้างกิจกรรม นิทรรศการ อีเว้นท์ คอนเสิร์ตใหญ่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าให้การท่องเที่ยวของเรา เพราะภาคการท่องเที่ยวของเรามีจุดอ่อนสองประการสำคัญ

 

จุดอ่อนที่ 1 การพึ่งพาเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติ หากเราจะพึ่งพาเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติ มันจะอยู่ได้ยั่งยืนหรือไม่? จะสามารถแข่งขันได้หรือไม่? การแข่งขันที่เกิดขึ้นจากประเทศรอบข้าง Man-made destination ต่างๆ เกิดขึ้นทุกวัน ทุกประเทศพยายามจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปอยู่ในประเทศเขา

 

จุดอ่อนที่ 2 Low Season ถึงแม้ว่าเราจะมีอากาศที่ดี แต่ช่วงกลางปีของเราจะมีอากาศร้อนและฝนตกค่อนข้างหนัก ทำให้เรามีช่องว่างตรงกลางระหว่างปี ทำให้การหารายได้เข้าประเทศและของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีช่องว่างอยู่
Entertainment Complex จะสามารถมาเติมเต็มตรงนี้ได้ เพราะสามารถดำเนินการได้ตลอดทั้งปี ไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ

 

ประสบการณ์ระดับโลกที่จะได้รับ

 

"ผมอยากให้ท่านลองจินตนาการดูว่า Entertainment Complex คือเจ้ามหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลกเพื่อคนไทยทุกคน จะมี" 

1. Indoor Stadium ขนาดใหญ่ ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน สเตเดียมในประเทศไทยคงไม่สามารถไปแข่งขันกับใครได้แล้ว สนามราชมังคลา สนามสุภชลาศัย ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานคอนเสิร์ตหรืองานบันเทิงขนาดใหญ่ มันถูกออกแบบมาเพื่องานกีฬาโดยเฉพาะ ปัญหาคือ เสียงอะคูสติกไม่ดี ไม่มีพื้นที่สามารถเปิดขึ้นมาให้เวทีได้ ไม่มีหลังคาที่สามารถจะป้องกันแดดฝนได้ ไม่สามารถทำสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้ ที่สำคัญไม่มีบูธวีไอพี ถ้าเรามี Indoor Stadium ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับโชว์ได้ตลอดทั้งปี เราจะสามารถปลดล็อคศักยภาพของคนไทยและภาคการท่องเที่ยวได้มากแค่ไหน

 

2. ศูนย์การแสดงสินค้าและวัฒนธรรมไทย คนไทยมีศักยภาพในการทำของสร้างสรรค์ศิลปะสร้างสรรค์มากมาย แต่ปัจจุบันเราอาจยังไม่มีพื้นที่หรือเวทีเพียงพอที่จะให้เขาได้เอาสินค้าและการบริการเหล่านั้นไปโชว์ให้กับนักท่องเที่ยวระดับโลกได้ใน ร่างพ.ร.บ. เขียนไว้ชัดเจนว่า 10% ของพื้นที่จะต้องแบ่งไว้ให้การแสดงวัฒนธรรมไทย การเอาสินค้าไทยไปขาย สินค้าโอทอปไทย สินค้าการเกษตรไทย อาหารไทย นวดไทย หรือแม้กระทั่งการแสดงโชว์ของไทยต่างๆ

 

3. ศูนย์ประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ เราอยากให้งานอย่างแฟลกซ์ที่ทุกปีเขาจะมีโฮสต์งาน IMX เป็นงานจัดแสดงสินค้าระดับใหญ่ที่สุดในโลกที่มีคนเดินทางไปเที่ยวเป็นล้านคน เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยอีกอันหนึ่งที่ลาสเวกัสมีคืองานที่เรียกว่า Consumer Electronic Product ทุกครั้งที่ Google, Huawei หรือบริษัทแกดเจ็ตต่างๆ ไปเปิดตัวสินค้า Electronic เขาไปเปิดตัวที่ลาสเวกัส

 

4. โรงแรมหรูและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ประเทศไทยก็มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราสามารถดึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์อื่นเข้ามาได้มากกว่านี้ นักท่องเที่ยวก็จะมีโอกาสได้มาใช้จ่ายได้มากขึ้น คนไทยก็จะมีโอกาสได้เข้าไปเลือกสรรสินค้าที่มาจากทั่วโลกได้มากขึ้น

 

5. พิพิธภัณฑ์ สวนสนุก สวนน้ำที่ล้ำสมัย "ผมมีลูก 2 คน 8 ขวบกับ 6 ขวบ ผมก็อยากให้เขาได้มีประสบการณ์ระดับโลกแบบนี้ ผมก็อยากให้เขาได้ไปดูมิวเซียมที่สามารถเปิดโลกทัศน์ของเราได้ ผมก็อยากให้เขาได้ไปเที่ยวในสวนสนุกที่มีแบรนด์ระดับโลก ดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซล เพื่อให้เขาได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ระดับโลก
ทุกครั้งต้องเดินทางไปต่างประเทศ"

 

และก็เป็นที่น่าเสียดายต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ของประเทศเราคงไม่มีโอกาสได้สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ถ้าเราสามารถดึงสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในประเทศเราได้ กำหนดลงไปในนโยบายว่าเด็กและเยาวชนของประเทศไทยจะต้องเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ในราคาที่ย่อมเยาและเข้าถึงได้ เราจะสามารถปลดล็อคประสบการณ์ให้เขาได้มากแค่ไหน

 

6. พื้นที่สาธารณะและสีเขียว ประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพและในเมืองใหญ่ๆ อาจยังขาดพื้นที่สาธารณะ ถ้าเราสามารถสร้างแลนด์มาร์คอันใหม่ได้ เป็นพื้นที่สีเขียว สร้างอากาศบริสุทธิ์ สร้างปอดให้กับเมืองในประเทศไทยได้จะดีแค่ไหน

 

7. ท่าเทียบเรือสำราญและยอร์ช สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมูลค่าสูง คนเหล่านี้ Spending ต่อหัวมหาศาล ดึงเขาเข้ามาจอดในกลางเมืองของเราเลยก็ได้

 

8. ศูนย์นวัตกรรมสำหรับสตาร์ทอัพ เป็น Incubator ให้สตาร์ทอัพได้เข้ามาเจอกับนักลงทุนต่างๆ เป็นโอกาสให้นักลงทุนหรือสตาร์ทอัพ Entrepreneur ต่างๆ ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

 

ทำไมต้องเป็น Entertainment Complex

 

นายศึกษิษฏ์ อธิบายว่า ถ้าดูจากตัวเลขจะเห็นว่าทุกประเทศในเขตภูมิภาคเรามีเกือบหมดแล้ว ประเทศเราเริ่มช้ากว่าเขาเป็น 10 ปี แต่ก็เป็นข้อดี เพราะเราได้เรียนรู้จากเขามาแล้วว่าแต่ละโมเดลมีประโยชน์หรือโทษอย่างไง มีปัญหาอย่างไง จะเห็นตัวเลขที่แต่ละประเทศสามารถสร้างมูลค่าและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน

 

• สิงคโปร์ เพิ่งประกาศสร้างขยายโครงการมารีน่าเบย์ เรียกว่า IR2 มูลค่าการลงทุนประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 200,000 ล้านบาท
• โอซาก้า MGM เริ่มตอกเสาเข็มแล้ว มูลค่าโครงการประมาณ 6-8,000 ล้านดอลลาร์
• ยูเออี บริษัทวินกำลังจะสร้างโครงการ 8,000 ล้านดอลลาร์ และเวียดนาม เพิ่งประกาศมา 2,500 ล้านดอลลาร์

 

"รวมรวมกัน 45 โครงการระดับหนึ่งล้านล้านบาท การแข่งขันในภาคการท่องเที่ยวมีแต่จะเข้มข้นขึ้นทุกวัน ทุกคนกำลังลงทุนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของตัวเอง"

 

โมเดลที่เลือก "สิงคโปร์สไตล์"

 

ส่วนมีโมเดลอะไรบ้างในการทำ Entertainment Complex นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ในโลกมีอยู่ 3 โมเดลหลักๆ

 

โมเดลที่ 1 เปิด License จำนวนเยอะ กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ตามล็อบบี้โรงแรม ตามจังหวัดเล็กจังหวัดน้อยทั่วไป  ซึ่งโมเดลแรกที่จะไปเปิดตามที่ต่างๆ จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการ พบว่า หนึ่ง การลงทุนไม่ได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนที่มากเพียงพอ ไม่ได้มีอะไรใหม่ สอง การกำกับดูแลเป็นไปได้ยากมาก ถ้ามันถูกกระจายออกไป

 

โมเดลที่ 2 สร้างไว้ในที่ที่ห่างไกลเลย เหมือนลาสเวกัสสมัยก่อน ไปสร้างไว้กลางทะเลทรายเลย ที่เราจะสร้างไปอยู่ที่ไกลๆ ปรากฏว่าผลที่ได้จากภาคการท่องเที่ยวมันอาจจะกระจุกตัวอยู่ใน Entertainment Complex นั้น

 

"และ โมเดลที่ 3 เป็นโมเดลที่เราเลือก คือโมเดลเหมือนสิงคโปร์ ยูเออี หรือที่ญี่ปุ่น คือจำกัดจำนวน License ให้มีจำนวนน้อย และบังคับให้การลงทุนเป็นการลงทุนขนาด Mega Size เท่านั้น อย่างน้อย 100,000 ล้านบาทขึ้นไป โมเดลนี้จะมาพร้อมกับการลงทุนขนาดใหญ่ที่เข้ามา ยกระดับตัวอุตสาหกรรมขึ้นมาทั้งหมดเลย และมาพร้อมกับมาตรฐานการกำกับดูแลระดับโลก"

 

รองเลขาฯ อธิบายเพิ่มว่า สิ่งที่เราอยากได้ที่เราเลือกโมเดลที่ 3 คือ อยู่ใกล้กับแหล่งคมนาคมขนส่ง และที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เพราะเรามองว่าตัว Entertainment Complex นอกจากเราจะดึงการลงทุนเข้ามาแล้ว เราต้องการให้เข้ามาเที่ยวที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวข้างๆ ด้วย กระจายรายได้ออกไปให้ภาคส่วนทุกอย่างให้กว้างขวางที่สุด

 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า จากตัวอย่างสิงคโปร์ที่ชัดเจน ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจขยับจีดีพีเขาได้ 1-2% การลงทุน 15 ปีที่แล้ว 300,000 ล้าน ยังไม่รวมตัว IR2 ที่เพิ่งประกาศ เกือบ 200,000 ล้านบาท การจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง เมื่อ 15 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันมารีน่าเบย์แซนด์ที่เดียวก็หมื่น 2 แล้ว เพิ่มรายได้ภาษีขึ้น 440,000 ล้านบาท

 

สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ ช่วงก่อสร้างผลกระทบทางจีดีพี 0.2-3% เงินลงทุนอย่างน้อย 100,000 ล้าน แต่จริงๆผมมองว่าอย่างน้อย 300,000 ล้านบาท วัสดุก่อสร้างเกิดขึ้นในไทย สินค้าโต๊ะ ตู้ เตียง ผ้าห่ม หมอน เป็นของเมืองไทย
การจ้างงานทุกอย่างเป็นคนไทย

 

หลังเปิดบริการ ช่วย GDP ได้ถึง 0.2-0.8% สร้างรายได้ให้การท่องเที่ยว 100,000-200,000 ล้านบาท การจ้างงาน 9,000-15,000 ตำแหน่ง เพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว 20,000 บาทต่อทริป คือเพิ่มจาก 50,000 บาทต่อทริป และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5-20% ทำให้ Low Season ของเราไม่เป็น Low Season อีกต่อไป เราจะเป็น Season-less Tourism

 

ส่วนรายได้ให้รัฐ แบ่งเป็นรายได้ภาษี 10,000-40,000 ล้านบาท รายได้จากไลเซนส์ อย่างน้อย 3,000 ล้านบาท และรายได้จากค่าธรรมเนียมอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท

 

การแยกความแตกต่างจากการพนันออนไลน์

 

นายศึกษิษฏ์ ยืนยันว่า Entertainment Complex ไม่ใช่การพนันออนไลน์ คนละเรื่องแยกกันชัดเจน ใน ร่างพ.ร.บ. เขียนไว้ชัดเจนว่าพนันออนไลน์ไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นในนี้ และรัฐบาลก็ยังเดินหน้าในการปราบปรามและกำจัดพนันออนไลน์อยู่ ปัจจุบันเราปิดเว็บไซต์ไป 90,000 เว็บ ปิดบัญชีม้าไปประมาณ 700,000 บัญชีแล้ว
เราต้องการการลงทุนที่เรียกว่า On-land คือลงทุนเป็น Land-based Entertainment Complex มีการลงทุนเกิดขึ้นจริง ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานจริงๆ มีเงินเข้ามาในประเทศจริงๆ มีการจ้างงานจ้างอาชีพจริงๆ

 

"และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าไปเล่นในกาสิโนได้ เราไม่ได้เปิดฟรี ไม่ได้เป็นฟรีกาสิโน ไม่ได้เป็นการพนันฟรีออนไลน์ ไม่ได้เป็นการพนันเสรีใดทั้งสิ้น"

 

มาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด

นายศึกษิษฏ์ ย้ำถึงมาตรการการดูแลชัดเจนหลายประการ 1. ห้ามโฆษณา
ใน พ.ร.บ. เขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามทำการโฆษณาหรือสื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกาสิโนเด็ดขาด 2. การอบรมพนักงาน พนักงานทุกคนถูกอบรม เราจะเขียนไว้ในกฎหมายลูกที่ติดตามมาว่าเขาจะต้องมีหน้าที่ในการช่วยดูกลุ่มเสี่ยงต่างๆ 3. แนวคิด PETER คือ มาตรการครอบคลุมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการติดการพนัน ตามหลักการ PETER คือ P = Prevention (การป้องกัน) E = Education (การศึกษา) T = Treatment (การรักษา) E = Enforcement (การบังคับใช้กฎหมาย) และ R = Research (การวิจัย)

 

"ปัญหาการติดการพนันไม่สามารถป้องกันได้ด้วยแค่การป้องกันไม่ให้เขาเล่นอย่างเดียว แต่จริงๆ มันต้องเป็นการรักษาเขาอย่างยั่งยืน เป็นโครงการที่เข้าไปมีการอบรม มีการวิเคราะห์ทางจิตวิทยาต่างๆ"

 

4. การป้องกันการฟอกเงิน จริงๆ แล้วถ้าไปดูสิงคโปร์ พบว่าธุรกิจแบงก์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายจิวเวลรี่ มีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินมากกว่า Entertainment Complex ซะอีก ใน Gaming Area ทุกตารางนิ้วจะถูกครอบคลุมไปด้วยกล้องวงจรปิด มันจะเป็นที่สุดท้ายที่คุณจะสามารถมาทำการฟอกเงินได้

 

5. ระบบการห้ามเข้ากาสิโน 3 รูปแบบ (1.)Self Exclusion ถ้าคุณไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าเราคงไม่สามารถทนแรงดึงดูดของการเล่นพนันได้ คุณก็สามารถแบนตัวเองออกไป  2. Secondary/Family Exclusion: ถ้าคุณคิดว่าคนในครอบครัวของคุณมีความเสี่ยง และไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการพนัน คุณก็สามารถแบนคนในครอบครัวไปได้ และ 3.Third Party Exclusion: รัฐบาลเองสามารถแบนคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ได้ คนที่มีประวัติอาชญากรรม หรืออาจจะพิจารณาคนที่เคยล้มละลาย

 

6. การลงทะเบียน Know Your Customer ทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามาในพื้นที่ Entertainment Complex จะต้องถูก Audit จะต้องถูก Record ไว้ จะต้องถูกจัดเก็บข้อมูลไว้ ทุกคนที่เข้ามาจะต้องทำการสแกนหน้า สแกนพาสปอร์ต สแกนบัตรประชาชน เพื่อเก็บข้อมูลไว้ เพื่อให้ Operator สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า เป็นคนที่ได้รับการแบนหรือเปล่า

 

7. การตรวจสอบที่มาของเงิน ตามมาตรฐานของ ปปง. บริษัทระดับโลกที่เราพูดคุยกันมา มาพร้อมกับมาตรฐานการกำกับดูแลระดับโลก เขาถูก Regulate โดยสำนักงานกำกับดูแลของอเมริกา สิงคโปร์ มาเก๊า เขาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา

 

8. ข้อจำกัดอายุ อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไม่ได้ และ 9. การป้องกันการฟอกเงินแบบใหม่ ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมพัฒนาตัวเองขึ้นมาเยอะแล้ว มีประสบการณ์เยอะแล้ว ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณแลกออกมา สมมติคุณแลกเข้ามา 100 คุณจะต้องเอามาใช้ใน Gaming อย่างน้อย 90% ถ้าไม่ถึง เวลาคุณแลกเงินคืน มันจะถูกแสตมป์ลงไปว่าเงินเหล่านี้เป็น Non-winning คือไม่ได้มาจากการชนะในการเล่น Gaming Area

 

การใช้รายได้เพื่อสังคม

 

ส่วนรายได้ที่ได้จาก Entertainment Complex จะนำไปใช้เพื่ออะไรบ้างนั้น นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า เราพร้อมรับฟัง ใน พ.ร.บ. ตอนนี้ยังไม่มีเขียนไว้ แต่เป็นจุดประสงค์และเป้าหมายของเราอยู่แล้วว่าจะพยายามเขียน พ.ร.บ. ให้รัดกุมยิ่งขึ้น เมื่อมันเข้าไปอยู่ในชั้นกรรมาธิการ คือกำหนดลงไปเลยว่าเงินที่เราเก็บได้จะเอาไปทำอะไรบ้าง

 

• การศึกษา คือ สนับสนุนทุนการศึกษา ทุนเรียนต่อต่างประเทศ สร้างงานสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนในประเทศ พัฒนาเยาวชนด้านดนตรี ด้านกีฬา ด้านเทคโนโลยีต่างๆ
• โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การดูแลรักษาระบบสาธารณสุข พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล และสร้างบ้านราคาย่อมเยา
• การช่วยเหลือสังคม จัดตั้งโครงการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในชุมชนที่อาจจะได้รับผลกระทบ ทำ CSR อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ และส่งเสริมชุมชนรอบโครงการ
• การป้องกันและเยียวยา โครงการลดผลกระทบที่เกี่ยวกับการพนันหรืออาชญากรรม แบ่งรายได้ส่วนหนึ่งมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เก็บส่วนหนึ่งมาใช้เป็นรางวัลนำจับเพื่อให้ตำรวจสามารถนำไปจับการพนันผิดกฎหมายได้ จัดทำโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อเสียของการพนัน

 

"ปัจจุบันเราใช้เงินจากภาษีเหล้าบุหรี่มาช่วยสนับสนุน สสส. อยู่แล้ว สนับสนุนกองทุนกีฬา สนับสนุนไทยพีบีเอส อยู่แล้ว ตรงนี้ก็เป็นโมเดลคล้ายๆ กัน
ที่มาเก๊า เขายกเมืองหนึ่งให้ไปพัฒนาเลย หนึ่ง Operator หนึ่งเมือง เลือกตำบลหนึ่งไปพัฒนาเลย"

 

ผลประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ

 

นายศึกษิษฏ์ กล่าวย้ำว่า คนไทยได้รับประโยชน์หลายด้าน  1. การเข้าถึงความบันเทิงระดับโลก คนไทยสามารถเข้าถึงการแสดงระดับโลกในราคาที่ย่อมเยาลง เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงศิลปะการแสดงใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งความรู้ใหม่ๆ ผ่านมิวเซียมได้

 

2.การจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ระดับแสนล้านขึ้นไป คนไทยได้ประโยชน์แน่นอน วัสดุก่อสร้างเกิดขึ้นในประเทศไทย การจ้างงานช่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทย SME ไทยจะมีประโยชน์จะได้รับผลประโยชน์แน่นอน

 

3. เวทีสำหรับสินค้าไทย ร้านอาหารไทย ร้านนวดไทย ศิลปะ สินค้าโอทอปไทย สินค้าวัฒนธรรมไทย สินค้าการเกษตรของไทย จะมีเวทีที่สามารถเอาของไปขาย สามารถโชว์ศักยภาพได้เต็มที่ให้นักท่องเที่ยวระดับโลกเข้ามาเยี่ยมชม

 

4.การยกระดับคุณภาพชีวิต เมื่อสิงคโปร์เปิดมารีน่าเบย์แซนด์ ตอนแรกสมาคมโรงแรมกังวลว่าถ้ามีโรงแรมมาเพิ่มอีก 1,000-2,000 ห้อง จะอยู่กันยังไง แต่สุดท้ายกิจกรรมที่ตามเข้ามากับ Entertainment Complex สร้าง Occupancy Rate สร้างดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจนกระทั่งทุกคนยกระดับขึ้นมาหมดเลย Occupancy Rate ของสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 70% All Year Round

 

อนาคตของการท่องเที่ยวไทย

 

"ผมมองว่า Entertainment Complex คือ Growth Engine ตัวใหม่ของภาคการท่องเที่ยวไทย มันคือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ มันคือคอนเทนต์ที่ประเทศไทยจะสามารถนำไปขายได้ All Year Round ทั้งปี มันคือมหานครที่เอาประสบการณ์ระดับโลกเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทุกคน" นายศึกษิษฏ์ กล่าวพร้อมอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

 

1. จาก Seasonal เป็น Season-less Tourism เราจะไม่มี Low Season อีกต่อไป เราสามารถพัฒนาระบบการท่องเที่ยว สามารถดึงดูดเงินจากภาคการท่องเที่ยวออกมาได้ตลอดทั้งปี

 

2. การยกระดับมาตรฐาน เหมือนที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ ก่อนที่มารีน่าเบย์แซนด์จะเปิด ถ้าเรายกมือบังตัวตึกมารีน่าเบย์แซนด์ไว้ อันนั้นคือสิงคโปร์สมัยก่อน แล้วเรายกมือออก ภาพ Skyline หรือวิสัยทัศน์ของตัวเมืองสิงคโปร์เปลี่ยนเลย

 

"สมัยก่อนสิงคโปร์ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว พอตัดสินใจที่จะทำ Entertainment Complex เขาสามารถเปลี่ยน Growth Engine ของเขาจากที่ก่อนเป็นแค่ภาคการเงินอย่างเดียว กลายมาเป็นผู้นำใหญ่ที่สำคัญในภาคการท่องเที่ยวไปด้วย" 

 

3. การสร้างระบบนิเวศ Entertainment Complex จะไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่ใหญ่ขึ้น เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ กระจายรายได้ไปทั่วประเทศ

 

"รัฐบาลไม่อยากให้ประเทศไทยต้องเสียโอกาสไปอีก โครงการในหลายๆ ประเทศดึงดูดการลงทุนระดับแสนล้าน รวมรวมกัน 45 โครงการระดับหนึ่งล้านล้านบาท การแข่งขันในภาคการท่องเที่ยวมีแต่จะเข้มข้นขึ้นทุกวัน ทุกคนกำลังลงทุนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของตัวเอง ประเทศไทยเราอาจจะเริ่มช้ากว่าคนอื่น แต่ผมคิดว่าเราอาจจะอยู่ในจุดที่ไม่สามารถเสียโอกาสได้ไปอีกแล้ว" นายศึกษิษฏ์ กล่าว