"สุริยะ-มนพร" ทะลวงงบ 903 ล้าน ลุยสร้างถนน จ.เลย 107 โครงการ

26 พ.ค. 2568 | 07:13 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2568 | 07:20 น.

“สุริยะ-มนพร” ลงพื้นที่จังหวัดเลย ดันงบ 903 ล้านบาท ดึงทางหลวง สร้างถนน 107 โครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมในพื้นที่จังหวัดเลย ณ ศาลากลาง อำเภอเมืองเลย

ทั้งนี้ได้รับทราบความก้าวหน้าแผนงานและโครงการด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและแผนงานในอนาคต ซึ่งเห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาโครงข่ายทางถนนทั้งสายหลักและสายรองให้ประชาชนได้สัญจรอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงรองรับการขยายตัวของเมือง

นอกจากนี้เชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุน การค้าชายแดน และการท่องเที่ยว อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพื้นที่ในจังหวัดเลยและจังหวัดใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อทำให้ประชาชนมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดเลย โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อบำรุงสายทาง ในปี 2568 วงเงินกว่า 903 ล้านบาท รวม 107 โครงการ

สำหรับแผนในอนาคต ทล. เสนอขอรับงบประมาณปี 2569 เพื่อแก้ไขปัญหาจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และบริเวณน้ำท่วมขังเวลาฝนตกหนัก เพื่อลดผลกระทบในการดำเนินชีวิตของประชาชน จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพบริเวณทางแยก ทล.201 ตอนปากปวน - ปากภู 2.โครงการงานฟื้นฟู ทล.2249 ตอนไร่ทาม - วังแคน และ.3.โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรระดับภาค ทล.2013 ตอนบ่อโพธิ์ - โคกงาม

ทั้งนี้ ได้กำชับเรื่องปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนทุกสายทางหลักและสำคัญต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน รวมถึงการพัฒนาสายทางเพื่อขับเคลื่อนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองเลยฝั่งตะวันตก 2.โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองฝั่งตะวันออก และ 3.โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงคาน

สำหรับโครงข่ายคมนาคมทางอากาศ ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารและลานจอดเครื่องบินท่าอากาศยานเลยมีความคับแคบ พื้นที่ใช้สอยและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอต่อการให้บริการ อีกทั้งการใช้บริการของท่าอากาศยานมีอัตราขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการผู้โดยสารจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานเลย

\"สุริยะ-มนพร\" ทะลวงงบ 903 ล้าน ลุยสร้างถนน จ.เลย 107 โครงการ

อย่างไรก็ดีในปีงบประมาณ 2570 กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีแผนขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ้างออกแบบต่อเติมความยาวทางวิ่งขยายลานจอดเครื่องบิน และองค์ประกอบอื่น ๆ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 42.69 ล้านบาท

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้รับการประสานจากพื้นที่ว่าปัจจุบันบริเวณริมแม่น้ำเลย หมู่ 5 บ้านโป่ง ตำบลนาแขม อำเภอเมืองเลย เกิดการกัดเซาะคันดินเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดริมตลิงและมีน้ำท่วมในฤดูฝนน้ำในแม่น้ำเลยเอ่อล้นตลิ่งทำให้ถนนสายบ้านโป่ง - สาระแพ ได้รับความเสียหาย ประชาชนสัญจรไป - มาไม่สะดวก

\"สุริยะ-มนพร\" ทะลวงงบ 903 ล้าน ลุยสร้างถนน จ.เลย 107 โครงการ

ทั้งนี้จึงได้มอบหมายกรมเจ้าท่า (จท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง โดยมีแผนขอตั้งงบประมาณผูกพัน 3 ปี งบประมาณรวม 150 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณปี 2568 วงเงิน 30 ล้านบาท ปี 2569 วงเงิน 60 ล้านบาท และปี 2570 วงเงิน 60 ล้านบาท เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนให้ประชาชนในพื้นที่

จากนั้นนายสุริยะ ได้ลงพื้นทางแยก ทล.201 ตอนควบคุม 0404 ตอน ปากปวน - ปากภู บริเวณหน้าท่าอากาศยานเลย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมบริเวณรอบสนามบิน โดยปัจจุบัน ทล. ได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างที่พักริมทาง วงเงิน 26.47 ล้านบาท เพื่อเป็นจุดพักรถผู้ที่มาใช้บริการสนามบิน ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นจุดเช็กอิน จุดชมวิวทิวทัศน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้

ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้ ทล. ดำเนินการก่อสร้างสะพานบกสำหรับจุดกลับรถ และสร้างทางขนานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาใช้บริการสนามบินเลย

\"สุริยะ-มนพร\" ทะลวงงบ 903 ล้าน ลุยสร้างถนน จ.เลย 107 โครงการ

รวมถึงให้ดำเนินโครงการขยาย 4 ช่องจราจรตลอดสาย บน ทล.21 ซึ่งปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางจากจังหวัดเลย ซึ่งเป็นประตูจากภาคอีสานสู่จังหวัดทางภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามขอให้หน่วยงานที่มาร่วมลงพื้นที่ในวันนี้ รับประเด็นปัญหาไปดำเนินการปรับปรุง แก้ไขให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว อีกทั้งให้บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย