มติ กมธ.สว. "สถานบันเทิงครบวงจร" เชิญนายกฯและ 5 อดีตนายกฯให้ข้อมูล

08 พ.ค. 2568 | 10:01 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ค. 2568 | 11:15 น.

มติคณะกรรมาธิการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ปักธงศึกษาผลกระทบเสร็จ ก.ค. 68 พร้อมมีมติเชิญ "นายกฯแพทองธาร" และอดีตนายกฯ 5 คน ทักษิณ-เศรษฐา-อภิสิทธิ์-ชวน-สมชาย เข้าให้ข้อมูล

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ซึ่งมีนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นประธาน ได้จัดประชุมที่รัฐสภาเพื่อวางกรอบแนวทางการทำงานและจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาผลกระทบในด้านต่างๆ จากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์ในประเทศไทย

 

มติเชิญนายกรัฐมนตรีและ 5 อดีตนายกฯให้ข้อมูล

 

ภายหลังการประชุม นายวีระพันธ์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ มีมติให้เชิญคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายเรื่องกาสิโนในการประชุมครั้งต่อไป โดยเน้นย้ำว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงด้วยตนเอง

"เราอยากให้นายกฯ มาเอง แต่ก็ไม่ได้บังคับ เพียงแต่เชิญไปตามระเบียบ หากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจ ก็สามารถมอบหมายให้รัฐมนตรีท่านใดมาชี้แจงแทนก็ได้" นายวีระพันธ์กล่าว

 

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังมีแผนที่จะเชิญอดีตผู้นำประเทศหลายท่านมาให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว ประกอบด้วย อดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย นายเศรษฐา ทวีสิน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

 

รวมถึงอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์

การเชิญผู้นำทั้งในอดีตและปัจจุบันมาให้ข้อมูลสะท้อนถึงความพยายามของคณะกรรมาธิการฯ ในการรวบรวมความคิดเห็นที่หลากหลายและครอบคลุมจากทุกฝ่าย เพื่อให้การพิจารณาประเด็นดังกล่าวเป็นไปอย่างรอบด้านและเป็นกลาง

 

การจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบ

 

ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีมติจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 คณะ เพื่อศึกษาผลกระทบในด้านต่างๆ จากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน ได้แก่

 

1. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบทางสังคมและกฎหมาย ของการมีสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์

 

โดยมีนายนิพนธ์ เอกวานิช สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธาน คณะอนุกรรมาธิการชุดนี้จะรับผิดชอบศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม การผังเมือง ประเด็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ และการทำประชาพิจารณ์ตามมาตรา 77

 

2. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ของการมีสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์

 

โดยมีนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธาน คณะอนุกรรมาธิการชุดนี้จะรับผิดชอบศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และการจ้างงานที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน

 

ประเด็นการถกเถียงในที่ประชุม

 

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้หารือกันใน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ ผลกระทบด้านสังคม เศรษฐกิจ และกฎหมาย โดยมีประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ดังนี้

 

นิยามของสถานบันเทิงครบวงจร

 

ที่ประชุมมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการกำหนดนิยามของ "สถานบันเทิงครบวงจร" โดยมีข้อเสนอให้ใช้คำที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายและครอบคลุมถึงกิจกรรมการพนันทุกรูปแบบ มีการเสนอทางเลือกหลายรูปแบบ เช่น

 

  • "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโน หรือ การพนันทุกรูปแบบ รวมทั้งการพนันออนไลน์"
  • "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโน" โดยเพิ่มรายละเอียดในบทนำ
  • "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์" ซึ่งสอดคล้องกับร่างกฎหมายของรัฐบาล

 

สุดท้าย ที่ประชุมมีความเห็นให้ใช้คำว่า "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์" เพื่อให้ครอบคลุมการพนันทุกรูปแบบ และเพื่อป้องกันความสับสนในกรณีที่ต้องมีการทำประชามติในอนาคต

 

ประเด็นด้านกฎหมาย

 

ในช่วงแรกของการประชุม มีการเสนอให้แยกการศึกษาด้านกฎหมายออกมาเป็นอีกหนึ่งคณะอนุกรรมาธิการ เพื่อศึกษากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการขายสุรานอกเวลา พระราชบัญญัติโรงแรม การจัดโซนนิ่ง รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายการพนันเดิม และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการแยกคณะอนุกรรมาธิการด้านกฎหมายออกมาต่างหาก เนื่องจากกังวลว่าอาจทำให้ลดทอนความสำคัญของประเด็นเรื่องกาสิโนลง จึงตัดสินใจให้รวมการศึกษาด้านกฎหมายไว้ในคณะอนุกรรมาธิการด้านสังคมและกฎหมาย

 

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการหยิบยกประเด็นเรื่องอำนาจทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อการผลักดันกฎหมาย โดยมีการแสดงความกังวลว่าอาจมีฝ่ายการเมืองที่คุมเสียงในสภาและสามารถล้มกฎหมายได้ แต่ไม่สามารถล้มรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้คำนึงถึงประเด็นนี้ด้วย

 

การทำงานอย่างเป็นกลางและกรอบเวลา

 

นายวีระพันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นกลางในการพิจารณาศึกษาเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า "ต้องล้างความเห็นส่วนตัวทั้งหมด ต้องเป็นกลางที่สุด เพื่อรับฟังความเห็นทุกด้าน" และยืนยันว่าคณะกรรมาธิการฯ จะไม่พิจารณาโดยมีธงคำตอบล่วงหน้า แต่จะนำเสนอข้อมูลในภาพรวมที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประชาชน

 

สำหรับกรอบเวลาการทำงาน แม้จะมีกำหนดเดิมที่ 180 วัน แต่ที่ประชุมมีความเห็นให้เร่งจัดทำร่างรายงานให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 เนื่องจากมีการเปิดสมัยประชุมสภาในต้นเดือนกรกฎาคม และคณะกรรมาธิการฯ กังวลว่ารัฐบาลอาจเสนอกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาก่อนที่การศึกษาจะแล้วเสร็จ

 

การทำประชาพิจารณ์

 

ในที่ประชุมยังมีการหารือเกี่ยวกับการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการกำหนดรูปแบบและวิธีการดำเนินการที่ชัดเจน โดยนายวีระพันธ์กล่าวว่า "ยังไม่มีการกำหนดว่า จะมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร" ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมในการประชุมครั้งต่อไป