"เพื่อไทย" เผยต่างชาติรอลงทุน “สถานบันเทิงครบวงจร” ขอฝ่ายต้านเปิดใจ

07 พ.ค. 2568 | 08:58 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2568 | 09:12 น.

“พายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกเพื่อไทย” หวังให้ฝ่ายคัดค้านเปิดใจให้ “สถานบันเทิงครบวงจร” ยืนยันเป็นโอกาสประเทศ-ไม่ใช่มีแค่กาสิโน ระบุตอนนี้นโยบายเนื้อหอม ต่างชาติรอลงทุนและร่วมทุน

นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ในรายการ "มีทางออก" ทางสถานีโทรทัศน์ NBT เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568

 

โดยตอนหนึ่งนายพายุ ระบุว่า ขณะนี้มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมโครงการมากถึง 6-7 ราย ตามที่มีการรายงานในสื่อต่างประเทศ และคาดว่าจะมีมากกว่านี้ โดยนักลงทุนเหล่านี้กำลังรอดูเงื่อนไขและข้อกำหนดของรัฐบาลในขั้นตอนต่อไป

นายพายุ ระบุว่า ผู้สนใจลงทุนไม่ได้มีเพียงบริษัทต่างชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเอกชนไทยที่อาจร่วมทุนในลักษณะ Joint Venture ด้วย และเน้นย้ำว่า การตัดสินใจเรื่องตำแหน่งที่ตั้งและรูปแบบโครงการจะต้องมาจากการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุนที่มีประสบการณ์


แนวคิดการพัฒนาและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น

 

นายพายุ ว่า มีความเข้าใจผิดในสังคมที่มองว่านโยบายนี้เป็นเพียง "พ.ร.บ. บ่อนถูกกฎหมาย" หรือ "พ.ร.บ. กาสิโน" ในขณะที่ความจริงแล้ว กาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของโครงการเท่านั้น โดยยืนยันว่า ในสิงคโปร์ซึ่งเป็นต้นแบบที่นายกรัฐมนตรีมักอ้างถึง กาสิโนมีพื้นที่เพียงร้อยละ 8.5 ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น

"หลายๆ ประเทศที่มีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ มีทั้งประเทศพุทธและประเทศที่มีหลากหลายศาสนาที่เคร่งครัด แต่เขาแยกประเด็นให้ออกว่า ในเมื่อเราหนีไม่พ้นกับการที่คนยังจะเล่นหรือหาวิธีที่จะเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ เราควรทำให้ถูกต้อง" นายพายุกล่าว

 

นายพายุยังชี้ให้เห็นว่า นโยบายนี้จะช่วยสร้างรายได้และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหา "โลว์ซีซั่น" ของการท่องเที่ยวไทย ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เคยกล่าวไว้ว่า "จะไม่ให้มีโลว์ซีซั่นเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกต่อไป"

 

มาตรการควบคุมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

 

ในประเด็นเรื่องมาตรการควบคุม นายพายุเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะกำหนดพื้นที่พิเศษและวางกฎระเบียบที่รัดกุม โดยเทียบเคียงกับโมเดลของสิงคโปร์ที่มีระบบลงทะเบียนที่เข้มงวด และมีการตรวจสอบทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ

 

"การที่เขาเข้ามาอยู่ในพื้นที่เฉพาะ มันเป็นสิ่งที่ดี การที่เรากำหนดว่า 10% เท่านั้นที่ทำตรงนี้ เขาก็ต้องอยู่ในเงื่อนไข ทั้งนี้ เรากำหนดได้ว่าจะต้องเป็นแรงงานไทยกี่เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างเราเป็นคนกำหนดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนของเรา"

 

นอกจากนี้ นายพายุยังเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กัน โดยเฉพาะด้านคมนาคมและการจราจร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 ล้านคน

 

ความหลากหลายของธุรกิจในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์

 

นายพายุ เสนอแนวคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างเขตปลอดภาษีหรือ "ดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี" ซึ่งประเทศไทยยังขาดในปัจจุบัน โดยเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายลดภาษีหรือไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าโอทอปในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์

 

"เงินที่ไหลเวียนเนี่ย มันก็สู่ประชาชนได้โดยง่าย" นายพายุกล่าว โดยเน้นว่าการมีร้านค้ารายย่อยในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะเปิดโอกาสให้ผู้ค้าไทยได้ประโยชน์ด้วย

 

นายพายุยังให้ข้อมูลว่า โมเดลธุรกิจของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนไป แม้แต่ลาสเวกัสในปัจจุบันก็หันมาเน้นด้านกีฬามากขึ้น โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นเมืองที่มีแฟรนไชส์ทีมกีฬาอาชีพย้ายไปมากที่สุด ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลต่อปี