รายงานข่าวจากวุฒิสภา(สว.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา นัดประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CB 411 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา
ซึ่งการเรียกประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญเพื่อตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อพิจารณาผลกระทบจากแนวคิดของรัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า กรรมาธิการได้ทำหนังสือเชิญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงแนวคิดและแนวทางการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจรในประเทศไทย ในการประชุมวันดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ในการประชุมจะมีการเสนอตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 ชุด ประกอบด้วย 1. อนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบด้านสังคม 2. อนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามในส่วนของการศึกษาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและจะส่ง ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจไทย จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการชุดใหญ่เป็นผู้ศึกษา เพื่อสรุปและส่งข้อเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชุดนี้ได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยได้มีการเลือกตำแหน่งประธานและคณะทำงาน ซึ่ง นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พร้อมด้วยรองประธาน 4 คน และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 68 นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลตั้งใจที่จะสร้างเม็ดเงินให้แก่ภาคการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากจะเพิ่มระยะเวลาของการพักอาศัยในประเทศ และผลักดันการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดทั้งปีแล้ว ยังมุ่งสร้างการท่องเที่ยวมูลค่าสูง เพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว "6 ประเทศ 1 เป้าหมาย" หรือ "6 Countries, 1 Destination" รวมถึงการดำเนินการ ENTERTAINMENT COMPLEX หรือ สถานบันเทิงครบวงจร
นายกฯยืนยันว่า ENTERTAINMENT COMPLEX ไม่เท่ากับ กาสิโน เพราะกาสิโนมีสัดส่วนไม่ถึง 10% หรือไม่เกิน 10% ของพื้นที่ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมาก ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา สระว่ายน้ำ และสวนน้ำ สวนสนุก เป็นต้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้เกิดรายได้ สร้างงาน เพราะเป็นเอกชนและต่างประเทศมาลงทุน รัฐบาลจะเก็บภาษีมาพัฒนาประเทศ