ลุ้นคมนาคม-ครม.เคาะ “สายสีน้ำตาล” 4.2 หมื่นล้าน รับ 20 บาทตลอดสาย

06 พ.ค. 2568 | 22:00 น.

“รฟม.” ลุยศึกษา “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล” 4.2 หมื่นล้านบาท หนุนนโยบาย 20 บาทตลอดสาย คาดได้ข้อสรุปปีนี้ จ่อชงคมนาคม-ครม.ไฟเขียวไม่เกินปี 69

KEY

POINTS

  • “รฟม.” ลุยศึกษา “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล” 4.2 หมื่นล้านบาท หนุนนโยบาย 20 บาทตลอดสาย คาดได้ข้อสรุปปีนี้
  • จ่อชงคมนาคม-ครม.ไฟเขียวไม่เกินปี 69
  • เตรียมเวนคืนที่ดินพร้อมตอกเสาเข็มเริ่มปี 70 

“โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล” 1 ในบิ๊กโปรเจ็กต์ระบบราง ที่จะเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ ปัจจุบันโครงการนี้มีความจำเป็นต้องศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายของภาครัฐด้วย   

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) วงเงิน 42,000 ล้านบาท  ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนรายละเอียดการศึกษาเพิ่มเติมถึงการวิเคราะห์ตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รวมถึงการบูรณาการโครงการร่วมกับโครงการทางด่วน ขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และศึกษาประเด็นผลกระทบข้อกฎหมาย สัญญาร่วมลงทุนสายสีชมพูและสายสีเหลือง ในส่วนของทางแข่งขัน ตามข้อสั่งการของกระทรวงคมนาคม ก่อนนำเสนอโครงการตามขั้นตอน พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 

ขณะเดียวกันตามแผนจะศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2568 จากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการ PPP และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในปี 2568-2569 คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ภายในปี 2569 ส่วนการเวนคืนที่ดินและการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2570-2573 พร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2573   

ทั้งนี้แนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี (บึงกุ่ม) มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีชมพูบริเวณแยกแคราย วิ่งไปตามแนวถนนงามวงศ์วานจนถึงแยกบางเขนเพื่อเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง แล้วข้ามถนนวิภาวดี – รังสิต โดยลอดใต้โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและโครงการทางยกระดับอุตราภิมุข จนถึงแยกเกษตร 
 

ก่อนยกระดับข้ามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อวิ่งต่อเนื่องไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ ผ่านแยกฉลองรัชเพื่อเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา ยาวไปจนถึงแยกนวมินทร์ ก่อนเลี้ยวลงทางทิศใต้ไปตามแนวถนนนวมินทร์จนถึงแยกสวนสน ซึ่งเป็นสถานีปลายทางที่สามารถเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเหลืองได้ และเป็นที่ตั้งของอาคารจอดแล้วจร และศูนย์ซ่อมบำรุง 

ส่วนพื้นที่ในช่วงถนนประเสริฐมนูกิจจะมีการใช้พื้นที่เกาะกลางร่วมกับโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายเหนือ ตอน N2 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยโครงการทางด่วนจะใช้ประโยชน์จากเสาตอม่อเดิมที่มีอยู่ ในขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลฯ จะมีโครงสร้างเสาตอม่ออยู่ระหว่างเสาตอม่อเดิมของโครงการทางด่วน ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลฯ จะอยู่ด้านใต้โครงการทางด่วน 

นอกจากนี้โครงการฯยังมี 20 สถานี ระยะทางรวม 22.1 กิโลเมตร โดยเป็นสถานียกระดับทั้งหมด ซึ่งมีรูปแบบสถานีแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับการออกแบบโครงการ คือ สถานีที่ตั้งอยู่โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางพิเศษฯ โดยจะเป็นสถานีรูปแบบชานชาลาข้าง (Side Platform) หรือรูปแบบชานชาลากลาง (Centre Platform) และสถานีที่ตั้งอยู่ใต้โครงสร้างทางพิเศษฯ โดยมีทางวิ่งของรถไฟฟ้าขนาบข้างเสาทางพิเศษฯ ซึ่งจะเป็นสถานีรูปแบบชานชาลาข้าง (Side Platform) เท่านั้น

ขณะที่ศูนย์ซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ตั้งอยู่บริเวณปลายสายทางของโครงข่ายเส้นทางการเดินรถ บนถนนพ่วงศิริ เลียบไปกับคลองแสนแสบและคลองหัวหมาก พื้นที่รวม 28 ไร่ เป็นอาคารขนาด 4 ชั้น โดยมีรูปแบบการใช้งานทั้งในส่วนที่จอดรถพนักงาน โรงบำบัดน้ำเสีย เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ห้องเทคนิค ห้องประชุม ห้องฝ่ายปฏิบัติการการเดินรถ ศูนย์ควบคุมการเดินรถ (Operation Control Center: OCC) 
 

ห้องปฏิบัติการสำหรับระบบรถไฟฟ้าย่อย ลานจอดรถไฟฟ้า โรงล้างรถไฟฟ้า โรงซ่อมบำรุงรักษาหนักและเบา (Heavy and Light Maintenance) และสำนักงานสำหรับงานซ่อมบำรุงรถขบวนรถ โดยมีอาคารจอดแล้วจร 1 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของถนนพ่วงศิริและถนนรามคำแหง เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าลำสาลี (BR-20) เป็นอาคารสูง 6 ชั้น รองรับการจอดรถยนต์ได้ประมาณ 280 คัน

ด้านโครงสร้างทางวิ่งเป็นทางยกระดับสำหรับระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) เป็นคานทางวิ่ง (Guideway Beam) โดยจะรองรับทางวิ่งจำนวน 2 ทิศทาง (ไป-กลับ) ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail System) ที่มีความจุปานกลาง – มาก ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ลุ้นคมนาคม-ครม.เคาะ “สายสีน้ำตาล” 4.2 หมื่นล้าน รับ 20 บาทตลอดสาย

อย่างไรก็ตามยังมีสถานีขับเคลื่อนไฟฟ้า (Traction Substation) ที่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง ระดับแรงดัน 750 VDC หรือ 1500 VDC เข้ารางตัวนำไฟฟ้าขั้วบวก และรับไฟฟ้ากลับสถานีขับเคลื่อนรถไฟฟ้า (Traction Substation) ผ่านรางตัวนำไฟฟ้าขั้วลบ โดยมีตำแหน่งการติดตั้งรางตัวนำไฟฟ้าทั้งสองรางอยู่ที่ด้านข้างของคานทางวิ่ง (Guideway Beam) ทั้งนี้ ในปีแรกที่เปิดให้บริการจะใช้ขบวนรถไฟฟ้าทั้งสิ้น 24 ขบวน (4 ตู้ต่อขบวน)

เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,094 วันที่ 8 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568