วันนี้ (29เม.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.สัญจร จังหวัดนครพนม ถึงการทำความเข้าใจนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ภายใต้ "ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" ที่รอคิวการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า การที่มอบหมายให้สส.พรรคเพื่อไทยไปทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แม้ว่าในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ได้มีการดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้ว
"โครงการนี้เป็นการลงทุนจากภาคเอกชนต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้ อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการจ้างงานจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดคอนเสิร์ต ซึ่งจะทำให้มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นด้วย" นายกรัฐมนตรีชี้แจง
นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำว่า ในสถานการณ์ที่งบประมาณของประเทศค่อนข้างจำกัด การส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่จากภาคเอกชนจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าร่างกฎหมายจะผ่านหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของรัฐสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคมีหน้าที่ในการอธิบายและสร้างความเข้าใจกับประชาชน
เมื่อมีคำถามว่าได้ขอความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยอธิบายเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแล้ว โดยให้แต่ละพรรคไปดำเนินการตามแนวทางการสื่อสารของตนเอง ซึ่งหัวหน้าพรรคทุกพรรคเห็นด้วย
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนประกาศจุดยืนในสภาฯ อันอาจส่งผลให้ฝ่ายที่เห็นต่างนำไปโจมตีว่าเรื่องนี้อาจดำเนินการต่อไปไม่ได้ นายกรัฐมนตรีตอบว่า
"เรายังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ทำให้ดีที่สุดในเรื่องนี้ และสิ่งที่ดิฉันแถลงต่อรัฐสภาคิดว่าจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กับประเทศ ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากตั้งต้นเรื่องนี้ขึ้นมา"
เมื่อมีการถามถึงความเห็นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า "ความจริงไม่มีปัญหา คุยกับนายอนุทินอยู่แล้ว ซึ่งทราบดีว่าเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาร่วมกัน"