การเดินทางศึกษาดูงานเส้นทางการขนส่งทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนนำโดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งนี้ “นครฉงชิ่ง” เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของเส้นทาง
เชื่อมโยงทางการค้าและการขนส่งของจีนในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจากนครฉงชิ่งยังเป็นเส้นทางการขนส่งทางรางที่สามารถเชื่อมต่อจากจีนไปยังยุโรป ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งทางรางที่มีศักยภาพสูง
ที่เป็นไฮไลต์ คือ การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมทะลุอาคารสูง ลดข้อจำกัดการเวนคืน โดยไม่ต้องหลบอาคารที่สร้างอย่างแออัด และเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับการเดินทาง เอื้อต่อการเข้าใช้สอยพื้นที่อาคาร และยังเป็นแลนด์มาร์กใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่น่าจับตาอีกด้วย ซึ่งในอนาคตประเทศไทยสามารถพัฒนาได้ แต่ปัจจุบันพบว่ามีการก่อสร้าง รถไฟฟ้าเชื่อมถึงภายในอาคาร อย่าง ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ฝั่งเจริญนคร กรณีรถไฟฟ้าสายสีทอง
ที่ภาคเอกชนอาจออกค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมี ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ รวมถึง อาคารสูงย่านศูนย์กลางเมืองที่สร้างทางเชื่อมเข้าตัวอาคาร แต่ ยังไม่ใช่การเชื่อมผ่านทะลุผ่านอาคารสูง เหมือนกับ จีน แต่ในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะ มี รถไฟฟ้าวิ่งทะลุอาคาร ท่ามกลางการก่อสร้างที่หนาตา
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า หลังจากกรมฯ ได้ศึกษาดูงานเส้นทางโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าของมหานครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
พบว่ามีการก่อสร้างแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเป็น รถไฟวิ่งทะลุอาคารบริเวณสถานี Liziba (หลี่จื้อปา) เป็นสถานีรถไฟฟ้าแบบชานชาลาด้านข้างของ Chongqing Rail Transit (CRT) สาย 2 และมีแนวเส้นทาง ที่ตั้งสถานีอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนด้วย
โดยการก่อสร้างแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และสถานีภายในอาคารของฉงชิ่ง สืบเนื่องจากฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และพื้นที่จำกัด การก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า
จึงต้องหาทางประหยัดพื้นที่ให้มากที่สุด ในบางพื้นที่ ไม่สามารถเวนคืนที่ดินกว้างๆ ได้ง่ายๆ ดังนั้น การใช้แนวทางร่วมกันระหว่างอาคาร และระบบขนส่งสาธารณะ จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด
อย่างไรก็ดี การพัฒนาสถานีรถไฟฟ้าภายในอาคารพาณิชย์นั้น พบว่าอาคารที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านไม่ได้เป็นแค่อาคารทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้รองรับโครงสร้างรถไฟฟ้า โดยชั้นล่างของอาคารถูกดัดแปลงให้เป็นส่วนของสถานี มีระบบลดเสียง และแรงสั่นสะเทือน
ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงดังมากนัก ทั้งนี้เห็นได้ชัดว่า การพัฒนาสถานี Liziba สถานีที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ปัจจุบันจึงกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง และทำให้พื้นที่โดยรอบคึกคัก
จากการศึกษาดูงานระบบรถไฟฟ้าของฉงชิ่งครั้งนี้ กรมฯ เล็งเห็นโอกาสในการนำมาประยุกต์ใช้กับระบบขนส่งมวลชนไทยในอนาคต เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับเมืองฉงชิ่ง ซึ่งมีประชากรหนาแน่น และพื้นที่จำกัด การก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคตจึงต้องหาทางประหยัดพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
ดังนั้น การใช้แนวทางการออกแบบระบบรางแบบสถานี Liziba ในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นการออกแบบร่วมกันระหว่างอาคาร และระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างลงตัว จึงเป็นรูปแบบทางเลือกที่น่าสนใจนำมาปรับใช้กับระบบชนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
อีกทั้งยังเป็นการสร้างแลนมาร์กเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
ขณะโมเดลพัฒนารถไฟฟ้าทะลุอาคาร ก่อนหน้านี้กระทรวงฯ เคยศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนา โดยพบว่าอาคารที่มีศักยภาพในการสร้างรถไฟทะลุตึก อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง – วงเวียนใหญ่
โดยกระทรวงคมนาคมศึกษาความเหมาะสมในแนวเส้นทางช่วงดังกล่าว มี 2 อาคารที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าพาดผ่าน และมีศักยภาพในการพัฒนารถไฟฟ้าทะลุอาคาร คือ อาคารที่ 1 สำนักงานการศึกษากรุงเทพมหานคร
ซึ่งศึกษาจะพัฒนารถไฟฟ้าทะลุผ่านบริเวณชั้น 4 และอาคารที่ 2 ห้างเมอร์รี่คิงส์เก่า (วงเวียนใหญ่) ศึกษาจะพัฒนารถไฟฟ้าทะลุผ่านบริเวณชั้น 6
จากการศึกษาเบื้องต้นประเมินว่า อาคารที่ 2 ห้างเมอร์รี่คิงส์เก่า (วงเวียนใหญ่) เป็นอาคารที่มีศักยภาพสูงหากจะสร้างเป็นไฮไลต์รถไฟทะลุตึก เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับสถานีวงเวียนใหญ่ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสถานีวงเวียนใหญ่ของรถไฟชานเมืองสายสีแดง
ลักษณะของอาคารนี้จะเป็นอาคารสูง 7 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้กับวงเวียนใหญ่ฝั่งถนนจรัญรัถ เป็นทรัพย์สินของเอกชน และปัจจุบันปิดทำการถาวรแล้ว