รัฐบาลเร่งทำความเข้าใจสังคมปม “สถานบันเทิงครบวงจร”ก่อนนำเข้าสภา

23 เม.ย. 2568 | 21:22 น.

รัฐบาลเร่งทำความเข้าใจประชาชน สังคม อย่างเข้มข้น ปม “ร่างกม.สถานบันเทิงครบวงจร”ก่อนนำเข้าสภาสมัยหน้า มั่นใจสร้างเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตไปข้างหน้า

 

กรณีนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเลื่อนการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ. )  การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปในการประชุมสภาสมัยหน้า

สถาบันเทิงครบวงจร

เดิมมีกำหนดนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาวันที่9 เมษายน   เนื่องจากประเทศมีเรื่องสำคัญ ต้องเร่งด่วน แก้ปัญหาก่อน ทั้งเหตุแผ่นดินไหวและนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา   

พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้ถอนร่างกฎหมาย ตามที่หลายฝ่ายคัดค้าน  ในทางกลับกัน ยังคงให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็น โครงการเรือธงของรัฐบาลที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ขยายตัว มากขึ้น

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เนื่องจาก มี ประชาชนจำนวนมาก ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ  ความหมายของ “สถานบันเทิงครบวงจร” และร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์  

ล่าสุด  รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา จะต้อง เร่งทำความเข้าใจกับภาคสังคมอย่างเข้มข้นในทุกรูปแบบ เช่นทำประชาสัมพันธ์ออกไปเพื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด ว่า

โครงการสถาบันบันเทิงครบวงจร เน้นการพัฒนาเมือง การกระตุ้นภาคท่องเที่ยว โดยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ซึ่งจะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชนและประเทศ ไม่ใช่เป็นลักษณะบ่อนการพนัน ถูกกฎหมาย ที่จะมอมเมาประชาชน

ทั้งนี้ข้อเท็จจริงจะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ XXL มูลค่าโครงการละ1แสนล้านบาท ใช้พื้นที่ค่อนข้างมากไม่ต่ำกว่า300ไร่ และเน้นใช้พื้นที่หรือที่ดินของภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งจะเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้มีโอกาสขยายตัวอย่างยั่งยืนตามไปด้วย จากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่

โดยทำเลที่ตั้ง โครงการ ต้องเชื่อมต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานรัฐ  การเดินทางสะดวกสบาย  เช่น รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ตั้งอยู่ห่างจากสนามบิน ไม่เกิน100กิโลเมตร ฯลฯ กลุ่มเป้าหมายมุ่งเน้น ให้กลุ่มกำลังซื้อสูง ทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าพื้นที่ ตามเงื่อนไขที่กฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรกำหนด

ขณะภายในโครงการจะมี ทั้งโรงแรมที่พัก ศูนย์การประชุม ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดง สนามกีฬา ต่างๆแบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นเมืองๆหนึ่ง โดยมีกาสิโน ส่วนเล็กๆ ที่มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด

 แน่นอนว่าประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างอิสระ เพราะมีเรื่องเงื่อนไขของรายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง  สำหรับนักลงทุนที่สนใจ ซึ่งเท่าที่ทราบจะเป็นต่างชาติที่มีประสบการณ์ 5-6 รายดังที่ปรากฎตามข่าว ขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดเข้าเจรจากับภาครัฐ รวมถึงยังไม่มีการกำหนดพื้นที่อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้  นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สะท้อนการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวว่า หลังจากครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร รัฐบาล จะเดินหน้าผลักดันการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว หรือ Entertainment Complex โดยใช้โมเดลคล้ายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

โดยเบื้องต้นต้อง รัฐบาลต้องการเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มักเข้าใจผิดว่าโครงการนี้เน้นเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว กาสิโนจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น และต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่นเดียวกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส

ภายในโครงการจะประกอบด้วยโรงแรมระดับ 4-5 ดาว รวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ห้อง ศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ สนามกีฬาในร่มความจุ 10,000-16,000 ที่นั่ง คอนเสิร์ตฮอลล์มาตรฐานระดับโลก ศูนย์การค้าและร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก พื้นที่จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรม ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ

 ขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 6 ราย แสดงความสนใจเข้ามาลงทุน โดยผู้ที่จะมาลงทุนต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10,000 ล้านบาท และต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมมีประสบการณ์ในการบริหารสถานบันเทิงครบวงจรระดับนานาชาติ มีแผนธุรกิจที่ครอบคลุม

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่เบื้องต้น จะต้องเป็นที่ดินของรัฐ มีขนาดไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ มีระบบคมนาคมขนส่งและสาธารณูปโภคพร้อม อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเงิน

“ไทยต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องแข่งขันกับโอซาก้าของญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิด ผู้ประกอบการหลายรายมองว่าไทยมีศักยภาพสูงมาก เพราะมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน บางรายถึงกับบอกว่าไทยอาจสร้างอารีน่าขนาด 16,000 ที่นั่งได้ ซึ่งใหญ่กว่าที่อื่นที่ทำได้แค่ 12,000 ที่นั่ง” นพ.พรหมินทร์กล่าว

สอดคล้องกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  รัฐบาลมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทั้งการป้องกันการฟอกเงิน การคุ้มครองผู้เล่นชาวไทยด้วยการเก็บค่าเข้า การจำกัดการเข้าใช้บริการ และระบบ Responsible Gaming ที่จะช่วยป้องกันปัญหาการพนัน

หากโครงการเกิดขึ้น จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของไทย สร้างรายได้และการจ้างงาน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ โดยเราจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

 ทั้งนี้รูปแบบการพัฒนา โครงการจะเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถต่อยอดจากโครงการเดิมได้ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง โดยจะเน้นการพัฒนาบนที่ดินของรัฐ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน