"ปตท."โกยกำไรครึ่งปีแรก 64,419 ล้านบาท

12 ส.ค. 2565 | 01:10 น.

"ปตท."เผยกำไรครึ่งปีแรก ปี2565 อยู่ที่ 64,419 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,685,419 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบลงทุน 91,000 ล้าน รองรับการเติบโตของธุรกิจ

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี2565 ปตท. และบริษัทในกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ มีรายได้ 1,685,419 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 57,166 บาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5% ของยอดขาย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากราคาต้นทุนราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ กำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท มาจากผลการดำเนินงานของ ปตท. คิดเป็น 24% ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 76% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท.

 

ประกอบด้วย ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 31% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 17% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 12% ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงานคิดเป็น 4% จากรายได้ของธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 38,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24,579 ล้านบาท โดยในปี 2565 ปตท. ยังมีแผนลงทุนจำนวน 91,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศและเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผ่านการลงทุนในธุรกิจ LNG ธุรกิจก๊าซฯ และท่อส่งก๊าซฯ

 

รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า การลงทุนในธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงยาสามัญได้มากขึ้น การลงทุนในธุรกิจดังกล่าวข้างต้น

 

นอกจากจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจในกลุ่ม ปตท. แล้ว ยังสนับสนุนให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนสร้างงานและเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือนในประเทศอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้ร่วมแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานกว่า 17,800 ล้านบาท 

 

อาทิ สนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษจำนวนเงินรวม 3,000 ล้านบาท รวมถึงให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม หรือ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

การตรึงราคาขายปลีกช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถ NGV ส่วนบุคคล และผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดหาน้ำมันดิบเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง บรรเทาภาระต้นทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)