คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 65 มีมติเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือ ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ทั้งฝ่ายนายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 และลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน ม.39 เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนต.ค. - ธ.ค. 65 มีรายละเอียด ดังนี้
ม.33 นายจ้างและผู้ประกันตน จากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง
ม.39 ปรับลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน จากอัตราเดือนละ 432 บาท เหลือในอัตราเดือนละ 240 บาท
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นค่าแรงเฉลี่ย 5.02% และจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไปนั้น
กระทรวงแรงงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือนายจ้างผู้ประกอบการ และพี่น้องผู้ประกันตน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อน จากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของค่าครองชีพหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงแรงงาน จึงได้มีการเสนอมาตรการลดเงินสมทบทั้งฝ่ายนายจ้างและผู้ประกันตน โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำว่า มาตรการลดเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตนในสถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสมทบที่ลดลง 576 - 900 บาทต่อคน รวมเป็นเงินที่ลดลงประมาณ 9,080 ล้านบาท ไปใช้ในการเพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น รวมถึงการแก้ปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตนทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนั้นแล้วยังเป็นการช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุน ที่สูงขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องให้กับนายจ้าง เป็นจำนวนเงินกว่า 7,964 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้สถานประกอบการสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เงินสมทบที่ลดลงมากกว่า 17,044 ล้านบาท จะกลายเป็นเม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจะได้เร่งดำเนินการเพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันภายในกำหนด