‘อรรถพล’ สั่งเปิดศูนย์ ICS ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

09 ธ.ค. 2568 | 09:33 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 09:33 น.

รมว.พลังงานสั่งเปิดศูนย์ ICS ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด หวังประเมินความเสี่ยงและออกมาตรการป้องกัน แก้ไขได้ทันท่วงที

KEY

POINTS

  • กระทรวงพลังงานสั่งเปิดศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉิน (ICS) เพื่อติดตามสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
  • เตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงทางพลังงาน โดยจัดทำแผนจัดส่งน้ำมันและก๊าซหุงต้มในพื้นที่เสี่ยง และประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์
  • เน้นย้ำการดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น โรงไฟฟ้า คลังน้ำมัน และประสานงานกับหน่วยทหารเพื่อป้องกันความเสียหาย
  • เตรียมการสนับสนุนสิ่งของจำเป็นแก่ศูนย์พักพิง และจัดส่งน้ำมันให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสั่งการให้เปิดศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน (ICS) หลังเกิดสถานการณ์ปะทะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ 

ทั้งนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าในการบริหารจัดการและจัดทำแผนการจัดส่งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม

และจะมีการประเมินและรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ รวมถึงได้กำชับให้พลังงานจังหวัดในพื้นที่ติดชายแดนและพื้นที่เสี่ยงอื่นรายงานสถานการณ์ในพื้นที่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทันที เพื่อให้กระทรวงสามารถประเมินความเสี่ยงและออกมาตรการป้องกันหรือแก้ไขได้ทันท่วงที

โดยกระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ด้านพลังงานในภาพรวมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการด้านพลังงานจะไม่หยุดชะงัก โดยเฉพาะในศูนย์พักพิงและในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น โรงไฟฟ้า เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง คลังน้ำมัน ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ 

‘อรรถพล’ สั่งเปิดศูนย์ ICS ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

อย่างไรก็ดี ทุกหน่วยงานจะต้องมีการทบทวนแผนฉุกเฉินและเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ รวมถึงการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยทหารในการเตรียมพร้อมด้านทรัพยากรต่างๆ เพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรมหรือเกิดความเสียหายจากสถานการณ์ความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นนี้

“กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศเป็นอันดับแรก ได้สั่งการและเน้นย้ำผู้บริหารและพลังงานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ต้องบริหารจัดการมิให้สถานการณ์ความไม่สงบใดๆ มาเป็นเหตุให้การจ่ายพลังงานต้องหยุดชะงัก หรือต้องกระทบต่อการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด“

นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เตรียมส่งสิ่งของอุปโภคบริโภค รวมถึงของใช้ที่จำเป็นให้กับศูนย์พักพิง และที่ให้ความสำคัญที่สุดคือ โครงสร้างพื้นฐานพลังงานหลักต้องปลอดภัย โดยต้องไม่ประมาทและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง 

และประสานงานกับหน่วยทหารในการให้การสนับสนุนทรัพยากรต่างๆ มีการกำหนดศูนย์เพื่อจัดส่งน้ำมันสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในพื้นที่อย่างเพียงพอและดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยให้มากที่สุด