พลังงานคาด ’โรงไฟฟ้าจะนะ’ เริ่มผลิตไฟ 383 เมกฯสิ้นเดือน ธ.ค. 69

08 ธ.ค. 2568 | 07:41 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2568 | 07:44 น.

กระทรวงพลังงานพลังงานคาด ’โรงไฟฟ้าจะนะ’ จะเริ่มผลิตไฟได้ 383 เมกะวัตต์สิ้นเดือน ธ.ค. 69 และเดินเครื่องเต็มระบบ 1476 เมกฯมี.ค. 69 หลังน้ำท่วมภาคใต้

KEY

POINTS

  • โรงไฟฟ้าจะนะคาดว่าจะกลับมาเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ยูนิตแรก กำลังผลิต 383 เมกะวัตต์ ได้ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 หลังฟื้นฟูจากเหตุอุทกภัย
  • ตั้งเป้าหมายเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้เต็มระบบ 1,476 เมกะวัตต์ ภายในเดือนมีนาคม 2569 หรือในอีกประมาณ 4 เดือน
  • กระทรวงพลังงานยืนยันว่าในช่วงการฟื้นฟูจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าภาคใต้ โดยให้โรงไฟฟ้าขนอมและกระบี่เดินเครื่องเต็มศักยภาพทดแทน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจการฟื้นฟูโรงไฟฟ้าจะนะหลังได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัย หรือน้ำท่วมภาคใต้ ว่า จากการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง ตรวจจุดเก็บสารเคมีและถังเชื้อเพลิง รวมถึงระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่และเก็บกวาดดินตะกอนโคลนภายในโรงไฟฟ้าหมดแล้ว 

และทำความสะอาดอุปกรณ์และจัดการขยะอันตราย คาดว่าจะเริ่มกลับมาเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 1 ยูนิต กำลังผลิต 383 เมกะวัตต์ (MW) ภายใน31 มกราคม 2569 และตั้งเป้าเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มระบบ 1476MW ภายใน 4 เดือน หรือประมาณเดือนมีนาคม 2569

ทั้งนี้ พบกว่าการไฟฟ้าฝ่าายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความซับซ้อนของโครงสร้างโรงไฟฟ้า ระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบควบคุม จำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประมาณ 4 เดือน จึงจะสามารถกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ 

“ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างรัดกุม กำหนดกรอบและแผนการซ่อมแซมโดยละเอียด เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็ว และขอให้ทดสอบความสมบูรณ์ก่อนจ่ายไฟ ขอยืนยันว่า ในช่วงระยะการฟื้นฟูโรงไฟฟ้าจะนะจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าภาคใต้ เนื่องจากได้ให้โรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้ากระบี่เดินเครื่องเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้"

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ กฟผ. ประสานงานไปยังโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และโรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเตรียมสำรองอะไหล่สำหรับการซ่อมแซมหากจำเป็น เพื่อให้สามารถกู้คืนระบบกลับมาใช้งานได้โดยเร็ว 

รวมถึงหารือแผนป้องกันเหตุน้ำท่วมในอนาคต โดยเพิ่มงบลงทุนเรื่องการป้องกันน้ำท่วม ทั้งการเพิ่มความสูงของคันดินรอบโรงไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันสูงถึง 4.5 เมตร และพิจารณาการวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม

ด้านการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้น กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. ได้ส่งมอบถุงยังชีพกว่า10,000 ถุง น้ำดื่ม และข้าวกล่องแก่ผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงนำทีมวิศวกรและช่างจิตอาสาจากฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง ฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ ฝ่ายจัดการด้านการใช้พลังงาน เขื่อนรัชชประภาเขื่อนบางลาง และโรงไฟฟ้าจะนะกว่า 40 คน ร่วมลงพื้นที่ในโครงการฟื้นฟู ซ่อมแซม ระบบไฟฟ้า แสงสว่าง 

และตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลาของมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ระหว่างวันที่ 5 - 9 ธันวาคม เพื่อฟื้นฟูระบบไฟฟ้าให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในชุมชนรอบโรงไฟฟ้าจะนะและบ้านเรือนใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ดินโคลนเข้าไปอุดตันทำให้อาจมีกระแสไฟฟ้ารั่ว รวมถึงตัวอุปกรณ์บางส่วนชำรุดเสียหาย กฟผ. จึงเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ เบรกเกอร์ สวิตซ์ไฟ ปลั๊กไฟ และหลอดไฟฟ้า เพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย