‘ปตท.สผ.’ ประกาศลงทุน 1.09 ล้านล. 5 ปี-ปักเป้าขายปิโตรเลียมโต 8% ปี 69

06 ธ.ค. 2568 | 02:00 น.

‘ปตท.สผ.’ กางแผนลงทุนกว่า 1.09 ล้านล้านบาทใน 5 ปี มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศ พร้อมตั้งเป้าขายปิโตรเลียมโต 8% ปี 69

KEY

POINTS

  • ปตท.สผ. ประกาศแผนลงทุน 5 ปี (2569-2573) ด้วยงบประมาณรวมประมาณ 1.09 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการเติบโตในระยะยาว
  • ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในปี 2569 ให้เติบโตขึ้นประมาณ 8% หรืออยู่ที่ 556,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
  • งบประมาณส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตจากโครงการปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ เร่งพัฒนาโครงการใหม่ และดำเนินการสำรวจเพื่อรองรับการเติบโต
  • จัดสรรงบลงทุนส่วนหนึ่งสำหรับกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบประมาณใน 2569 ไว้ที่ 7,726 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) หรือประมาณ 253,027 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 5,164 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 169,121 ล้านบาท 

และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 2,562 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 83,906 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนงาน ดังนี้ คือ เพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศไทย ได้แก่ โครงการจี 1/61 แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน 

โครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) โครงการอาทิตย์ โครงการเอส 1 โครงการคอนแทร็ค 4 โครงการในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มการผลิตของโครงการในต่างประเทศที่สำคัญ เช่น มาเลเซีย โอมาน และแอลจีเรีย โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน 3,605 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 118,064 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังมีแผนการดำเนินกิจกรรมซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 โดยครอบคลุม Scope 1 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง 

‘ปตท.สผ.’ ประกาศลงทุน 1.09 ล้านล. 5 ปี-ปักเป้าขายปิโตรเลียมโต 8% ปี 69

และ Scope 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ รวมถึงกำหนดเป้าหมายเพื่อลดความเข้ม (Intensity) ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากปีฐาน 2563 ให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2573 และ 50% ภายในปี 2583 โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุนสำหรับกิจกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 118 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 3,865 ล้านบาท ซึ่งรวมการลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ที่แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทยด้วย

รวมทั้งเร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการสัมปทานกาชา โครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 โครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 โครงการพัฒนาในประเทศมาเลเซีย เช่น โครงการมาเลเซีย เอสเค405บี โครงการมาเลเซีย เอสเค417 และโครงการมาเลเซีย เอสเค438 ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน 

โดยบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,423 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 46,603 ล้านบาท เร่งดำเนินการสำรวจในโครงการต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน 101 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 3,308 ล้านบาทสำหรับการเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลของโครงการในประเทศไทย มาเลเซีย เมียนมา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ด้านแผนการลงทุน 5 ปี (2569-2573) บริษัทได้จัดสรรงบประมาณรวม 33,279 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 1,089,887 ล้านบาท นอกจากการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมกับการดูแลสังคมและชุมชน เพื่อสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายต่อไป จากแผนงานดังกล่าว ปตท.สผ. ได้คาดการณ์ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวัน ในปี 2569 อยู่ที่ 556,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน

อย่างไรก็ดี ปตท.สผ. ยังคงมุ่งเน้นสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และสร้างการเติบโตในระยะยาวตามแผนกลยุทธ์ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Drive Value) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonize) และการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Diversify)

‘ปตท.สผ.’ ประกาศลงทุน 1.09 ล้านล. 5 ปี-ปักเป้าขายปิโตรเลียมโต 8% ปี 69

ปตท.สผ. ได้ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในปี 2569 ในอัตรา 556,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณ 8% การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการขยายการดำเนินงานทั้งในไทยและต่างประเทศในปี 2568 

ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณการขายและรายได้ให้กับบริษัทได้ทันที และส่งผลต่อเนื่องมาถึงปี 2569 และในปีต่อ ๆ ไปด้วย เช่น การเข้าลงทุนในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เอ 18 การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการสินภูฮ่อม การเข้าลงทุนในโครงการแอลจีเรีย ทูอัท รวมทั้งการเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการอาทิตย์

สำหรับการเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนจะเริ่มการผลิตปิโตรเลียมจากหลายโครงการในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย แอลจีเรีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมและการเติบโตของบริษัทตามแผนกลยุทธ์