เปิดเแผนลงทุน ‘ปตท.’ ปี 69 เน้นแน่นอน มั่นคง-หนุนนโยบาย ‘อรรถพล’ ดัน CCS

19 พ.ย. 2568 | 11:32 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2568 | 11:32 น.

ซีอีโอ ปตท. เผยเแผนลงทุนปี 69 เน้นแน่นอน มั่นคง ไม่หวือหวา ชี้อยู่ระหว่างพิจารณางบ ยันพร้อมสนับสนุนนโยบายอรรถพลดัน CCS

KEY

POINTS

  • ปตท. วางแผนการลงทุนปี 2569 โดยเน้นธุรกิจที่แน่นอนและมั่นคง เช่น ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
  • เดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ให้เกิดขึ้นจริงในไทย ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
  • เตรียมเริ่มโครงการ CCS นำร่องที่แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทยในปี 2571 เพื่อเป็นต้นแบบในการลดการปล่อยคาร์บอน และมีแผนพัฒนาสู่การเป็น CCS Hub ในพื้นที่ EEC

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2569 ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจากนโยบายภาษีทรัมป์ ว่า ปตท.ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผน โดยจะเน้นธุรกิจที่มีความชัวร์ มั่นคง ไม่เน้นหวือหวา เช่น เน้นลงมุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผ่านบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) 

รวมถึงเดินหน้าเป็นโกลบอล แอลเอ็นจีเพลเยอร์ 10 ล้านตันภายในปี 2030 และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในธุรกิจต่างๆ 

ส่วนสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เตรียมการรองรับอยู่แล้ว ซึ่งกรณีของสหรัฐฯมีการปรับนโยบายตลอดเวลา เช่นเดียวกับสถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่ชายแดน ก็มีแผนรองรับอยู่แล้วเช่นกัน 

 

"ปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณางบและแผนลงทุนปี2569 โดยจะพิจารณาเสร็จภายในปีนี้"

สำหรับแผนการลงทุนในด้านการขับเคลื่อนความยั่งยืน  ปตท. ยังคงมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 15% ในปี 2035 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย ควิ๊ก บิ๊ก วิน (Quick Big Win) ของนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

เปิดเแผนลงทุน ‘ปตท.’ ปี 69 เน้นแน่นอน มั่นคง-หนุนนโยบาย ‘อรรถพล’ ดัน CCS

โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมและผลักดันเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ให้เกิดการใช้งานจริงในไทย ขณะนี้ไลเซ่น หรือใบอนุญาตต่างๆสะดวกขึ้น แต่ในส่วนของกฎหมายรองรับคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง 

นอกจากนี้ปตท.ยังคงศึกษาและนำเสนอความเป็นไปได้ของการใช้ Hydrogen และ Ammonia Co-firing เป็นพลังงานทางเลือกในประเทศ 

"ปัจจุบันปตท.เดินหน้าโครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทยจะเริ่มดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2571 กักเก็บได้สูงสุดประมาณ 1 ล้านตันต่อปี โครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบสำคัญสำหรับการพัฒนา CCS ในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย รวมถึงการพัฒนา CCS Hub ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ในอนาคต“

นายคงกระพัน กล่าวต่อไปอีกถึงผลการดำเนินการธุรกิจปตท.ในปี 2568 ในช่วง 9 เดือน มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ 1. การบริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และ Marketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ P1 และ D1 สร้างผลประโยชน์รวมทั้ง 2 โครงการประมาณ 3,634 ล้านบาท 

,2. MissionX ยกระดับการทำ Operational Excellence ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ โดยวางเป้าเพิ่ม EBITDA ทั้งกลุ่ม ปตท. ปีนี้รวม 10,000 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปีนี้มีมูลค่าประมาณ 8,332 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2570  

,3. ขับเคลื่อน Digital Transformation (AXIS) โดยผลักดันการนำ Digital Tools/AI มาใช้ในองค์กรเพื่อสร้างประสิทธิภาพในด้านต่างๆ วางเป้าเพิ่ม EBITDA ปีนี้รวม 200 ล้านบาท มีผลการดำเนินงาน 9 เดือนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 155 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 12,000 ล้านบาท ภายในปี 2572

 ,4. Asset Monetization (A1) การบริหารสินทรัพย์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. ทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

และ5. Financial Excellence (F1) บริหารการเงินที่ตอบโจทย์ธุรกิจและเพิ่มมูลค่าองค์กร ทำให้กลุ่ม ปตท. สามารถรักษาการดำเนินงานตามแผนได้ในทุกมิติ โดยมี EBITDA 9 เดือนแรกจำนวน 257,957 ล้านบาท และมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในระดับที่แข็งแกร่งจำนวน 413,718 ล้านบาท รองรับการลงทุนและสภาพคล่องในอนาคต