“อรรถพล”สั่งกฟผ.เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทุกเขื่อนอย่างใกล้ชิด

08 พ.ย. 2568 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2568 | 10:13 น.

“อรรถพล”ลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ ติดตามแผนการปรับปรุงโรงไฟฟ้า พลังน้ำ เพื่อเสริมความมั่นคงไฟฟ้า พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทุกเขื่อนอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ส่งผลกระทบประชาชน

KEY

POINTS

  • นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนทุกแห่งอย่างใกล้ชิด
  • เนื่องจากอิทธิพลของพายุในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งสูงขึ้นเกือบเต็มความจุ โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมากถึง 97%
  • สั่งให้ตรวจสอบความแข็งแรงของตัวเขื่อน พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ดูงานเขื่อนสิริกิติ์ โดยมี นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คณะผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน ให้การต้อนรับ 

สําหรับการลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ในครั้งนี้ ได้ติดตามแผนการดําเนินโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ําเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4 ซึ่งกระทรวงพลังงานให้ความสําคัญกับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2543 ของไทย 

โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นโรงไฟฟ้า ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีความเสถียรที่สุด เป็นพลังงานสะอาด และตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 7 นาที อีกทั้งมีราคาต้นทุนต้ำที่สุด 

ปัจจุบันเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4 ใช้งานมานานกว่า 30 ปี และครบอายุการใช้งาน อุปกรณ์หลายส่วนเสื่อมสภาพ จําเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อม และความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยต่ออายุโรงไฟฟ้าอีก 30 ปี เป็นการใช้ทรัพยากรเดิมให้เกิดประโยชน์ และความคุ้มค่าสูงสุด ใช้งบประมาณในการปรับปรุง 2,088 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างนําเสนอขออนุมัติ ครม.ภายในปี 2568 นี้ โดยคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคม 2572

ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีเพิ่มมากขึ้นหลังจากไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทําให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งมีปริมาณสูงเกือบเต็มความจุเขื่อน ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์ ในปัจจุบัน มีปริมาณน้ำมากถึง 97% ของความจุเขื่อน 

จึงได้สั่งการให้ กฟผ. เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ พายุที่อาจจะส่งผลกระทบกับไทยอีกในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อน และ บริหารจัดการน้ําไม่ให้ประชาชนใต้เขื่อนได้รับผลกระทบโดยด่วน

                                 “อรรถพล”สั่งกฟผ.เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทุกเขื่อนอย่างใกล้ชิด

“เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กั้นแม่น้ำน่าน บริเวณ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ มีความจุอ่างเก็บน้ำประมาณ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนภูมิพล สร้างประโยชน์ด้านการเกษตรและอุปโภคบริโภค ช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำน่าน 

และร่วมกับเขื่อนภูมิพลบรรเทาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา การวางแผนปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อมและความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ผมให้ความสําคัญ เพราะไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนสิริกิติ์ นอกจากมีความเสถียร และ เป็นพลังงานสะอาดแล้ว ยังมีต้นทุนที่ต่ำ จึงได้สั่งการให้ กฟผ. เร่งดําเนินการปรับปรุงเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 4 ให้เป็นไปตามแผน” 

ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งมีปริมาณสูงขึ้นมาก จึงสั่งการให้ กฟผ. ติดตามสถานการณ์พายุที่อาจจะเข้ามาไทยอีกในช่วงนี้ขอให้ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนทุกเขื่อนภายใต้การดูแลของ กฟผ. ขอให้บริหารจัดการน้ำไม่ให้ประชาชนใต้เขื่อนได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด” นายอรรถพล กล่าว