‘อรรถพล’ ดัน ‘ไฮโดรเจน’ เข้าแผน PDP มุ่งดันไทยสู่ Net Zero 2050

25 ต.ค. 2568 | 00:11 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ต.ค. 2568 | 09:51 น.

‘อรรถพล’ เดินหน้าดัน ‘ไฮโดรเจน’ เข้าแผน PDP มุ่งดันไทยสู่ Net Zero 2050 ชี้ไทยมีโอกาสสูงในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานจำนวนมาก

KEY

POINTS

  • กระทรวงพลังงานผลักดันการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
  • ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ตั้งเป้าหมายผสมไฮโดรเจน 5% กับก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2030
  • ภาครัฐเตรียมออกมาตรการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจน และมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางไฮโดรเจนในภูมิภาคอาเซียน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อไฮโดรเจน โอกาสทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของประเทศไทย ในงานสัมมนาที่จัดขึ้นโดย คณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา โดยระบุว่า ไฮโดรเจนเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่สำคัญ ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์โลก ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจพลังงานที่ผันผวน 

และทิศทางที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ที่ทั่วโลกกำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เน้นย้ำถึงความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ 

โดยเฉพาะการปรับตัวตามทิศทางโลกที่มุ่งสู่ Net Zero ซึ่งส่งผลให้ไทยต้องปรับเป้าหมายการบรรลุ Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี ค.ศ. 2065 เป็นปี ค.ศ. 2050 

กระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ ความมั่นคงทางพลังงาน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยราคาที่เหมาะสม และการสร้างความยั่งยืน ด้วยพลังงานคาร์บอนต่ำ รวมถึงผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ เช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

‘อรรถพล’ ดัน ‘ไฮโดรเจน’ เข้าแผน PDP มุ่งดันไทยสู่ Net Zero 2050

สำหรับศักยภาพของไฮโดรเจนนั้น ประเทศไทยมีโอกาสสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการการใช้พลังงานจำนวนมาก 

นอกจากนี้ แผนพลังงานชาติฉบับร่างได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมไฮโดรเจน โดยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับร่าง ตั้งเป้าหมายการผสมไฮโดรเจนกับก๊าซธรรมชาติเริ่มต้น 5% ในการผลิตไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2030 

ขณะที่แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ฉบับร่าง ตั้งเป้าใช้ไฮโดรเจนเชิงความร้อนในภาคอุตสาหกรรมที่ 10 KTOE และในภาคขนส่งที่ 4 KTOE ภายในปี ค.ศ. 2037 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศให้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พศ. 2542 รวมทั้งจะดำเนินการจัดทำกลไกและมาตรการสนับสนุนที่ชัดเจน เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลิตและขนส่งไฮโดรเจน รวมถึงการจัดมาตรการสนับสนุนด้านการเงินและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ภาคเอกชน

“ไฮโดรเจนเป็นทั้งพลังงานทางเลือก และเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ให้กับประเทศ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืน การขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางไฮโดรเจนสีเขียวในอาเซียน และการสร้างความร่วมมือกับนานาชาติ จะทำให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมั่นคงและเป็นธรรม"