KEY
POINTS
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ล่าสุดมีมติเร่งด่วนตามข้อสั่งการของนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ดูแลราคาน้ำมันให้กับประชาชนตามนโยบาย Quick Big Win
หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากกรณีสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้ยุติสงครามยูเครน ส่งผลให้บริษัทพลังงานในจีนและอินเดียต่างลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
โดยที่ประชุม กบน.มีมติให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลง 70 สตางค์/ลิตร และน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์/ลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ปรับเพิ่มขึ้นแม้ตลาดโลกจะขยับขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ประชุม กบน. ได้ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 67.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 81.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 89.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลโดยตรงต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ
ดังนั้น กบน.จึงต้องเร่งเข้ามาช่วยพยุงราคา เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องรับภาระเพิ่มขึ้น และมีมติให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันให้แก่ประชาชน
สำหรับการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันฯ เหลือวันละ 86.67 ล้านบาท จากเดิมมีรายรับวันละ 145.22 ล้านบาท (รวมน้ำมันเตาวันละ 0.36 ล้านบาท) ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แต่ยังมีบัญชีน้ำมันเป็นบวก อยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท
สำหรับการปรับลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ คือการดำเนินการภายใต้นโยบาย Quick Big Win -ทำจริง เห็นผลจริงของกระทรวงพลังงานที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรม ดูแลค่าครองชีพของประชาชน และเศรษฐกิจฐานรากให้เห็นผลเร็วที่สุด
อย่างไรก็ดี ตลอดเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้ามาดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันให้แก่ประชาชน ดีเซลรวม 1 บาท/ลิตร และเบนซิน รวม 80 สตางค์/ลิตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่รวดเร็ว และมุ่งผลลัพธ์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง