KEY
POINTS
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 9.30 น. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดการประชุมองค์คณะไต่สวนเพื่อพิจารณาคดีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของรัฐในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
อาจมีการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่บริษัท Rolls-Royce Energy System Inc. ในการจัดซื้อเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในโครงการสำคัญหลายรายการของ ปตท.
คดีนี้ครอบคลุมสองสำนวนหลัก ได้แก่ โครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) คดีหมายเลขดำที่ 07-3-530/2560 และโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) คดีหมายเลขดำที่ 07-3-531/2560 ซึ่งองค์คณะไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงข้อกล่าวหา พยานหลักฐาน และเส้นทางการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกตั้งข้อสงสัยมาตั้งแต่ปี 2560
ในคดีโครงการติดตั้งเครื่องเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) ผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย
ส่วนในคดีโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย ได้แก่
จากการตรวจสอบเชิงลึกขององค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. พบว่า การจัดซื้อชุดเครื่องเพิ่มแรงดันก๊าซธรรมชาติในทะเล (PCS) และการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน (ESP) ซึ่งใช้วิธีพิเศษจากบริษัท Rolls-Royce Energy System Inc. นั้น “ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ หรือ เกิดความเสียหายแก่ปตท.”
คณะกรรมการพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินโครงการเป็นไปตามขั้นตอนทางธุรกิจ และกฎระเบียบภายในของรัฐวิสาหกิจ ไม่มีพฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำการใดเพื่อให้ Rolls-Royce ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หรือเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จากบริษัทเอกชนดังกล่าว
ในส่วนของการกล่าวหาว่ามีการจ่ายค่าตอบแทน หรือ “คอมมิชชั่น”ผ่านบุคคลที่สามนั้น องค์คณะได้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินทั้งใน และต่างประเทศ แต่ไม่พบหลักฐานยืนยันการรับสินบนโดยตรงของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด จึงเห็นว่า ข้อกล่าวหาไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะชี้มูลได้
องค์คณะไต่สวนยังได้ขยายผลตรวจสอบในส่วนของ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 (GSP-6) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจาก ESP และมีผู้บริหารชุดเดียวกันรับผิดชอบ ผลการพิจารณาพบว่าไม่ปรากฏพฤติการณ์อันเข้าข่ายการทุจริต หรือ การเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทคู่สัญญา จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ ในปี 2566 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ “ไม่รับไว้ไต่สวน” สำหรับ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 (GSP-5) และโครงการเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติบนบก (OCS3) หลังตรวจสอบแล้วไม่พบมูลเหตุที่เพียงพอจะต้องดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นการยุติคดีในส่วนดังกล่าวตั้งแต่ชั้นต้น
เมื่อรวมผลการพิจารณาทั้งหมด จึงทำให้คดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ปตท. ครอบคลุมโครงการหลักทั้ง 5 ได้แก่ GSP-5 OCS3 PCS ESP และ GSP-6 มีข้อยุติครบถ้วน
ป.ป.ช. มติเอกฉันท์
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ข้อกล่าวหาตกไปทั้งหมด โดยระบุว่า “ไม่ปรากฏพฤติการณ์การทุจริตต่อหน้าที่ หรือการเอื้อประโยชน์แก่เอกชน และไม่พบการเรียกรับสินบนจากบริษัท Rolls-Royce Energy System Inc.”
การยุติคดีนี้ด้วยมติเอกฉันท์ถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการไต่สวนที่ใช้เวลานานกว่า 7 ปี นับตั้งแต่คดีหมายเลขดำแรกในปี 2560 และเป็นกรณีตัวอย่างของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบด้านในคดีที่มีมูลค่าการจัดซื้อระดับหลายพันล้านบาท
ในเชิงระบบ มติดังกล่าวช่วยคลี่คลายแรงสั่นสะเทือนที่เคยกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน และสะท้อนถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ใช้หลักฐานและพยานเชิงประจักษ์เป็นที่ตั้ง โดยไม่เร่งรัดสรุปผลก่อนการตรวจสอบครบถ้วน
แหล่งข่าวในวงการพลังงานให้ความเห็นว่า การมีมติ “ไม่มีมูล” ในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจต่อองค์กร แต่ยังสะท้อนความเข้มแข็งของกลไกตรวจสอบภาครัฐ ที่สามารถแยกแยะระหว่าง “การดำเนินธุรกิจตามหลักวิชาชีพ” กับ “การกระทำอันมิชอบ” ได้อย่างชัดเจน
มติของ ป.ป.ช. ครั้งนี้แม้จะเป็นการยุติคดี แต่ก็ทิ้งบทเรียนสำคัญไว้ในด้านธรรมาภิบาลองค์กร และการบริหารจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การตรวจสอบที่กินเวลาหลายปีตั้งแต่ข้อสงสัยเรื่องการจ่ายเงินคอมมิชชั่นผ่านบริษัทในต่างประเทศ การสืบหาพยานเอกสาร การสอบสวนผู้บริหารระดับสูง ไปจนถึงการลงมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือกระบวนการที่สะท้อนว่าความโปร่งใสและหลักฐานคือหัวใจของความยุติธรรม
ท้ายที่สุด มติ “ไม่มีมูล” ที่ครอบคลุมโครงการ PCS ESP และ GSP6 รวมถึงการ “ไม่รับไว้ไต่สวน” สำหรับ GSP5 และ OCS3 คือเครื่องยืนยันว่าการตรวจสอบตามกระบวนการที่รอบคอบ ย่อมสามารถคืนความเชื่อมั่นให้กับทั้งองค์กรและสังคม และเป็นอีกหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์ของการปราบปรามการทุจริตในประเทศไทย ที่ไม่เพียงพิสูจน์ความผิด แต่ยังคืนความเป็นธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์