รสนาข้องใจ ‘รมว.พลังงาน’ ครม.อนุทิน 1 คนนอก-สายตรงกลุ่มทุนฟอสซิล

08 ก.ย. 2568 | 10:13 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2568 | 10:13 น.

รสนาออกโรงถามข้อสงสัย ‘รมว.พลังงาน’ ครม.อนุทิน 1 คนนอกหรือสายตรงกลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล ชี้เป็นความหวังใครกันแน่ เปรียบให้นายทุนขายบุหรี่

KEY

POINTS

  • นางสาวรสนา โตสิตระกูล ตั้งข้อสงสัยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลอนุทิน ว่าเป็น ‘คนนอก’ ที่เป็นอิสระจริงหรือไม่ หรือเป็นตัวแทนสายตรงจากกลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล
  • แสดงความกังวลว่าอาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน โดยนโยบายอาจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนที่ต้องการลดค่าไฟฟ้า
  • หวั่นเกรงว่ารัฐมนตรีที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มทุนฟอสซิล จะไม่สนับสนุนนโยบายพลังงานแสงอาทิตย์อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้

นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสว.กทม. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ รัฐมนตรีพลังงาน “คนนอก”หรือ “สายตรง” กลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล จะเป็นความหวังของใครกันแน่ โดยระบุว่า

วันนี้ได้อ่านบทความของคุณ วินทร์ เลียววาริณ พูดถึงรัฐมนตรีคนนอก โดยเปรียบว่าวงการการเมืองไทยเป็นเหมือนตลาดหลักทรัพย์ ที่ผู้ลงทุนในแต่ละบริษัท (พรรค) คาดหมายผลกำไรและ 'เงินปันผล' ที่เรียกกันว่า 'โควตา' โอกาสที่คนนอกบริษัทจะเข้ามาทำงาน (หรือพูดหยาบๆ ว่า 'ชุบมือเปิบ') นั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก 

และคำว่า 'คนนอก' มีนัยว่ามือสะอาด ทางการเมืองถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งยกเอาตัวอย่างอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ที่ทำงานให้กับจอมเผด็จการ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ทั้งที่ทั้ง 2ท่านมีแนวคิดคนละขั้วกัน

ดิฉันเห็นว่า ‘คนนอก’ ของรัฐบาลสมัยนี้ต่างจากยุคอาจารย์ป๋วยมาก แต่อาจารย์ป๋วยไม่ใช่ ‘คนนอก’ (เพราะท่านยังไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมือง)แต่เป็นข้าราชการน้ำดี เป็นนักวิชาการมือสะอาด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มทุนใดๆ ทำการสิ่งใดก็คิดถึงผลประโยชน์มหาชนเป็นที่ตั้ง ดังเนื้อหาในบทความนั้น

รสนาข้องใจ ‘รมว.พลังงาน’ ครม.อนุทิน 1  คนนอก-สายตรงกลุ่มทุนฟอสซิล

แต่ ‘คนนอก’ ของรัฐบาลอนุทิน บางคนเป็นสายตรงกลุ่มทุนพลังงาน ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจมีผลประโยชน์กับกลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล หรือไม่? ที่ทับซ้อนและขัดแย้งกับผลประโยชน์ของประชาชนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายทางพลังงานเช่นลดค่าไฟลง ด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่เป็นทั้งพลังงานสะอาดที่ช่วยลดโลกร้อน และลดค่าไฟให้ประชาชนได้ และไฟฟ้าจากโซลาร์เซลเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาถูกลงทุกปี เพราะเป็นพลังงานที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง

ที่ผ่านมารัฐบาลทุกยุคแม้หาเสียงลดค่าไฟฟ้า ลดราคาพลังงาน แต่ก็แค่เป็นเทคนิคหาเสียงเท่านั้น แต่ทุกรัฐบาลไม่เคยทำจริง ที่ทำจริงคือยืนบังแดด ไม่ให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานประชาธิปไตยแสงอาทิตย์ที่มีราคาถูก แบบง่ายๆ เหมือนซื้อตู้เย็นเบอร์5 ประหยัดไฟไปใช้ที่บ้าน

พรรคภูมิใจไทยประกาศหาเสียงจะติดโซลาร์รูฟท็อปให้ประชาชน ลดค่าใช้จ่ายค่าไฟเดือนละ 450 บาท ก่อนหน้านี้ลูกน้องคนสนิทคุณอนุทินพูดว่าภท.ยังทำไม่ได้เพราะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 มาวันนี้ภท. เป็นพรรคอันดับหนึ่งแล้ว เป็นรัฐบาลแล้ว นายอนุทินดีใจหน้าบานในวันได้รับเสียงโหวตจากพรรคประชาชน 143 เสียงรวมเป็น 311 เสียง 

คุณอนุทินดีใจเนื้อเต้นความฝันสูงสุดได้เป็นนายกรัฐมนตรีกับเขาชาติหนึ่งเป็นจริงแล้ว แล้วจะหันมาทำให้ประชาชนยิ้มบ้างได้ไหม ทำให้ความฝันประชาชนเป็นจริงตามสัญญาได้ไหม

แต่รัฐมนตรี ‘คนนอก’ ที่คุณอนุทินเลือกมานั่งกระทรวงพลังงาน เป็น ‘คนนอก’ จริงหรือ ? หรือเป็นสายตรงกลุ่มทุนพลังงานฟอสซิลกันแน่?

สายตรงกลุ่มทุนพลังงานฟอสซิล มีหรือจะไม่ยืนบังแดดประชาชนอีก จะยอมให้มีนโยบาย แบบที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้ลดค่าไฟได้ ด้วยการสนับสนุนพลังงานที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างแสงอาทิตย์ ได้จริงหรือไม่นั้น คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

พลังงานฟอสซิลเป็นเทคโนโลยี่ที่อัสดงคตตกยุคแล้ว เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘ยุคหินหมดไป ไม่ใช่เพราะหินหมด’ แต่เพราะมีเทคโนโลยี่ใหม่ที่ดีกว่า ถูกกว่า สะอาดกว่า และปกป้องโลกได้ดีกว่า แต่การที่รัฐบาลยังไม่สนับสนุนแสงอาทิตย์ ยังตะบี้ตะบันสนับสนุนพลังงานฟอสซิลสกปรกที่ทำให้โลกร้อนจนเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสูญพันธุ์ ก็เพราะกลุ่มทุนพวกนี้ต้องการทำกำไรจากพลังงานฟอสซิลที่ผูกขาด สามารถล้วงกระเป๋าประชาชนให้นานที่สุด โดยอาศัยอำนาจรัฐ อำนาจการเมือง และอำนาจทุนผูกขาดที่ล้าหลังตกยุคแล้ว ใช่หรือไม่?

การเลือกรัฐมนตรี ‘คนนอก’ จากกลุ่มทุนฟอสซิล จึงอุปมาเหมือนให้นายทุนขายบุหรี่ มาทำนโยบายเลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพประชาชน ดิฉันขอตะโกนถามดังๆว่า แล้วจะมีทางเป็นไปได้จริงหรือไม่?