สัมภาษณ์พิเศษ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF พร้อมก้าวข้ามอุปสรรคด้วยการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว พร้อมเร่งลงทุนในเทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตและโอกาสใหม่ในอนาคต
ด้านทิศทางธุรกิจเรือธงของกัลฟ์ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทฯ ได้แบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจดิจิทัล และธุรกิจ Investment
"เราทำทางด้านพลังงาน มีถือหุ้นในโทรศัพท์มือถือด้วย และมีธุรกิจที่เกี่ยวกับทางด้าน Digital ก็จะเดินหน้าตามแนวนี้ต่อไป" นายสารัชถ์กล่าว
สำหรับยุทธศาสตร์ระยะยาว 5 ปี กัลฟ์จะคงการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามที่เป็นอยู่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกใหม่
"คงโตไปอย่างที่เป็นอยู่ คงไม่ได้มีอะไรที่จะแปลกใหม่ มีธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเยอะ แล้วก็ดูว่ามันน่าลงทุนหรือเปล่า มีมาทุกวัน แต่ก็ยังมีขยายอยู่ ก็พยายามหาอะไรที่มัน more innovation มากขึ้น แต่ที่เกี่ยวกับพลังงาน ไม่ใช่ไปทำอะไรที่ที่แบบ เปลี่ยน ไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้า เกี่ยวกับพวก infrastructure พวกนี้"
นายสารัชถ์ยอมรับว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จำเป็นต้องพึ่งพันธมิตรต่างชาติ "แม้กระทั่งพลังงานวันนี้ พวกทำ platform ทำ software ก็มีผลเยอะ AI ก็มีผลเยอะ หลายอย่าง ทั้งพลังงาน ทั้งมือถือ ก็ตาม ผมว่าที่เกี่ยวกับแอปพลิเคชันต่างๆ เรื่อง AI เรื่องซอฟต์แวร์มันมีผลค่อนข้างเยอะ เราเห็นเค้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจเยอะพอสมควร"
เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) นายสารัชถ์เผยว่าเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนของบริษัท โดยไม่ได้ส่งใครไปเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
"เป็นการลงทุน เพราะว่าเราเป็นลูกหนี้เค้าอยู่แล้ว เค้าเป็นคนปล่อยกู้ตลอดเวลา ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เรื่องของการบริหารจัดการ เราไม่เคยไปยุ่งอะไร เพราะว่าเขาทำได้ดีอยู่แล้ว เราก็เป็นแค่ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่เข้ามา"
"หากจะให้ตอบคำถามที่ว่าในตอนแรกที่เข้าไปซื้อหุ้นกสิกรเรามองเห็นอะไร ส่วนตัวเห็นว่าเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลดี ผู้บริหารดี และเป็นแบงก์ที่มีการทำอินโนเวชั่นค่อนข้างเยอะ ส่วนเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นอีกหรือไม่ ก็ต้องดู ซึ่งจริงๆ แล้วเราซื้อหุ้นหลายแบงก์ ไม่ใช่แบงก์กสิกรแบงก์เดียว" นายสารัชถ์กล่าว
นายสารัชถ์ยังได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร "แล้วผมเชื่อว่ามันเป็น cycle ด้วย อย่างตอนนี้ เวลา GDP มันโตช้า หรือว่ามีหนี้เสีย สภาพคล่องเยอะๆ คนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วก็ต้องเป็นพวกธนาคาร ที่จะเห็นผลกระทบอย่างเร็ว เราเองลงทุนก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของพวกนี้ด้วย"
ในส่วนของความสนใจต่อการลงทุน SMR (Small Modular Reactor) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ นายสารัชถ์ตอบปฏิเสธอย่างชัดเจน
"ไม่สนเลย ยาก อะไรก็ตามเป็นนิวเคลียร์ในประเทศไทย ยาก ไม่ได้ว่าไม่ดี แต่ในแง่บริษัทเอง เราไม่พร้อมในการที่จะไปทำ แล้วยังไม่ค่อยมั่นใจว่าสังคมไทยยอมรับหรือเปล่า เพราะถึงแม้ SMR ก็ยังมีพวกกัมมันตภาพรังสีอยู่ดี ประเด็นไม่ใช่อยู่ว่าตัวใหญ่ตัวเล็ก ประเด็นว่าพอเป็น Nuclear มันมีเรื่องพวกนี้อยู่ คนก็เคยเห็นภาพเก่าๆ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมา ก็คงจะไม่กล้า"
สำหรับโอกาสการเข้าไปลงทุนหรือถือหุ้นบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติม นายสารัชถ์ระบุว่า "มีได้ตลอดเวลา แล้วแต่การลงทุน มันอยู่ที่จังหวะ อยู่ที่การตัดสินใจ อยู่ที่ว่าวันนั้นเรามี priority อื่นๆ อยู่ก่อนหรือเปล่า"
ด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ผ่านการไปพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายสารัชถ์ชี้แจงว่า
"ไม่มีอะไรมาก ไปในฐานะเอกชนส่วนตัวไม่ได้หารือเกี่ยวข้องกับรัฐบาล และด้วยมารยาทถือว่าไม่ใช่หน้าที่แต่ไปในฐานะบริษัทไทยที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่แล้วและพร้อมที่จะลงทุนเพิ่มเติมถ้ามีโอกาส
ส่วนตัวเคยเจอกับทรัมป์มาก่อน โดยทรัมป์บอกเสมอว่าชอบเมืองไทย ซึ่งแนวโน้มการหารือกับรัฐบาลไทยก็ค่อนข้างดี มีการตอบรับที่ดี แต่ไม่ได้สอบถามรายละเอียดว่าจะจบเมื่อไหร่"
นายสารัชถ์มองความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ โดยระบุว่า "ส่วนตัวมองว่าสหรัฐฯ ยังเป็นมิตรที่ดีกับไทย ไม่น่าจะเล่นงานไทย เพราะเราไม่มีปัญหาอะไรกับเขาเพียงแค่จะดูเรื่องของหาจุดสมดุลการค้าขายกับไทยมากกว่า ผมว่าน่าจะไปได้เชื่อว่าคงมีโซลูชั่นออกมา"
สำหรับการลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐฯ "ปัจจุบันบริษัทฯ มีการลงทุนกลุ่มธุรกิจพลังงาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มเติมการลงทุนอะไร เพราะมีการลงทุนในหลายประเทศ จึงต้องดูผลตอบแทนของการลงทุนเป็นหลัก ยืนยันว่าไม่ได้ลงทุนเพื่อเป็นการไปเอาใจสหรัฐฯ แต่จะมองผลประโยชน์บริษัทฯ เป็นหลัก"