แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเรียกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีติดสติกเกอร์ชื่อตนเองบนถุงยังชีพที่แจกประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
ล่าสุดนายพีระพันธุ์ มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2568 เพื่อเจรจาซื้อไฟฟ้าเข้าประเทศไทยโดยตรง โดยนายพีระพันธุ์ ระบุก่อนหน้านี้ว่ายังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากป.ป.ช. แต่รับทราบเรื่องแล้ว โดยระบุว่า "เพราะมันกลั่นแกล้งกันมานานแล้ว" แต่หากป.ป.ช.เรียกก็จะเข้าชี้แจง
แหล่งข่าวระบุว่า การเดินทางไปดังกล่าวเป็นไปตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เพื่อการเจรจาซื้อไฟฟ้าเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากมีบางเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่จะทยอยหมดสัมปทาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีผู้ที่เข้าไปขอสัมปทานเพื่อนำมาขายให้ไทยอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ลาวได้มอบหมายให้สะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และดร.คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีพลังงาน และเหมืองแร่เป็นผู้เจรจาหารือ
“เมื่อสามารถซื้อไฟจาก สปป.ลาวได้โดยตรงก็จะทำต้นทุนลดลง ซึ่งก็จะมีผลทำให้ช่วยลดค่าไฟฟ้าในประเทศได้ เนื่องจากการรับซื้อไฟแต่เดิมจาก สปป.ลาว จะต้องผ่านโบรกเกอร์ หรือคนกลางก่อนที่จะมาถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงทำให้ราคารับซื้อสูง”
อย่างไรก็ดี หากถามว่าจะสามารถซื้อไฟฟ้าจาก สปป. ลาวได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไทยมีความพร้อม และไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อไฟจำนวนมากหากสามารถทำได้ โดยมองว่าอะไรที่ถูก ไทยจะไม่ผลิตเอง
“ต้องเข้าใจก่อนว่าเขื่อนพลังน้ำของ สปป.ลาว เป็นพลังงานที่เสถียรที่สุด เนื่องจากปริมาณน้ำมีมาก ไม่เหมือนกับไทยที่จะกักเก็บไว้เพื่อทำการเกษตร หากน้ำไม่ล้นเขื่อนก็จะไม่ปล่อยออกมาทำให้ไม่เกิดการปั่นไฟฟ้า หรือผลิตไฟฟ้า แต่เขื่อนของ สปป.ลาว น้ำจะไหลผ่านตลอด”
การเดินทางไปลาวครั้งนี้ทำให้ต้องเลื่อนการชี้แจงต่อป.ป.ช.ออกไป หากมีการเรียกในวันที่ 15 พฤษภาคมตามที่มีกระแสข่าว