“PTT” กำไรไตรมาส 1/68 ร่วง 19.5% เหลือ 2.3 หมื่นล้าน หลังบ.ลูกขาดทุน

14 พ.ค. 2568 | 00:19 น.

“PTT” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 กำไรร่วง 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เหลือ 2.3 หมื่นล้านบาท หลังบริษัทลูกขาดทุน

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ไตรมาส 1/68 มีกำไร 23,315.49 ล้านบาท ลดลง 19.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 28,967.50 ล้านบาท 

โดยยอดขายในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 700,223 ล้านบาท ลดลง 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มียอดขาย 782,279 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ หรือ EBITDA ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 93,527 ล้านบาท ลดลง 25,190 ล้านบาท หรือ 21.2% จากช่วงเดียวกันปีของก่อน ซึ่งอยู่ที่ 118,717 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นโดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลงจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่น  (Market GRM) ที่ลดลง ประกอบกับ Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับในไตรมาส 1/68 มีกําไรสต๊อกน้ำมันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือประมาณ1,500 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/67  มีกำไรประมาณ  2,600 ล้านบาท 

ด้านธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานลดลงโดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวลดลง รวมถึงกลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม มีผลการดำเนินงานลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลงเช่นกัน โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นลดลงจากต้นทุนขายเพิ่มขึ้นอย่างมากจากผลกระทบของการเริ่มคำนวณต้นทุน ราคาก๊าซฯ ด้วยนโยบาย Single Pool ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา แม้ว่าปริมาณขายรวมปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี คาดว่าราคานํ้ามันดิบดูไบในปี 2568 จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 65 - 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 – 4.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล