นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการหารือกับผู้ว่าการรัฐอะแลสกา กรรมาธิการด้านรายได้และกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติรัฐอะแลสกา ประธานบริษัท Alaska Gasline Development Corperartion และผู้แทนบริษัท Glenfarne ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการลงทุนเพื่อผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา
สำหรับการเจรจาโครงการก๊าซธรรรมชาติเหลวดังกล่าวนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเยือนไทยของ Mr. Mike Dunleavy ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
โดยสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพิ่มเติมจากความร่วมมือเดิมที่ไทยได้มีการนำเข้าน้ำมันและรับซื้อ LNG จากสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการเจรจาดังกล่าวเป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของกระทรวงพลังงานในการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำที่มีบทบาทสำคัญในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
“ความร่วมมือในโครงการดังกล่าวยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในการลงทุนและผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยและผลักดันบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียในอนาคต”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า การเจรจาดังกล่าวจะช่วยเน้นย้ำความสนใจของไทยที่จะร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งดังกล่าว
รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวระยะยาวจากสหรัฐอเมริกาในราคาที่เหมาะสม ซึ่งแหล่งอะแลสกาถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเข้มแข็ง
และมีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่ขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 25-30 วัน
สำหรับแนวทางการผลักดันความร่วมมือดังกล่าว กระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาปริมาณของการนำเข้าก๊าซจากแหล่ง Alaska LNG ที่มีความเหมาะสม ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านตันต่อปี โดยขึ้นอยู่กับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจรจา
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ( LNG Shipper) ของไทย ให้มีการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป