เปิดแนวทางแก้ปัญหาค่าไฟแพง นักวิชาการแนะหยุดซื้อขายไฟระยะยาว

29 เม.ย. 2568 | 03:06 น.
อัปเดตล่าสุด :29 เม.ย. 2568 | 03:06 น.

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแนะภาครัฐหยุดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว เดินหน้าเปลี่ยนตลาดที่ควบคุมสู่การแข่งขัน ไม่อุดหนุนราคาพลังงานแบบเหวี่ยงแห

นายคุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมและพลังงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยในการบรรยายหัวข้อบทบาทของก๊าซฯ ในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่พอดี และดีพอที่จะไม่กระทบค่าไฟ ในงานเสวนา “ความเงียบของราคาค่าไฟแพง กับการลงทุนที่ประชาชนไม่มีเสียง” ว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของไทย หรือ PDP ควรปรับเปลี่ยนจากตลาดที่ควบคุม (Regulated) ไปสู่ตลาดที่มีการแข่งขัน (Competitive markets) ซึ่งจะเห็นว่าผลการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในอดีตที่ผิดพลาด ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป 

และบางช่วงเวลามีปริมาณสำรองไฟฟ้าสูงกว่า 50% ส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น รวมถึงปัจจุบันไทยมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มากขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น กระทบต่อการตัดสินใจมาลงทุนในประเทศของนักลงทุน และสูญเสียค่าภาคหลวง 

โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการพยายามหาแหล่งก๊าซฯ ใหม่ในประเทศ รวมถึงควรส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนในทะเล ไทย-กัมพูชา(OCA) ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐไม่ควรทำ เช่น อุดหนุนราคาพลังงานแบบเหวี่ยงแห ,ฝืนกลไกตลาดเสรีและปิดประเทศ ,อ้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานเกินควรจนกระทบความมั่นคง ราคา และธรรมาภิบาล เป็นต้น 

นายคุรุจิต กล่าวอีกว่า สิ่งที่ภาครัฐควรดำเนินการ เช่น ตั้งงบประมาณมาช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งราคาน้ำมันและไฟฟ้า,ปล่อยให้ราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม (LPG) ลอยตัวไม่ฝืนกลไกตลาด เพราะจะเสี่ยงขาดแคลน, เร่งเจรจาแก้ปัญหา TC-OCA เพื่อเปิดพื้นที่สำรวจและเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯ แทนที่จะปล่อยให้นำเข้า LNG มากขึ้นเรื่อยๆ ,ไม่ต่อสัญญาโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) หรือ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ที่จะหมดอายุ 

เปิดแนวทางแก้ปัญหาค่าไฟแพง นักวิชาการแนะหยุดซื้อขายไฟระยะยาว

แต่ให้มาแข่งขันเสนอราคาค่าไฟฟ้าในตลาดเสรี และการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แต่ควรมีกติกาที่โปร่งใส ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศควรใช้ระบบประมูลค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เจรจารายโครงการ

นางสาวอารีพร อัศวินพงศ์พันธ์  นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเสวนาในหัวข้อ “ความเงียบใน PDP ทำค่าไฟแพง ส่งเสียงอย่างไรให้ระบบไฟฟ้าไทยแฟร์” ว่า ได้เสนอ 3 ข้อ ในการปรับแผน PDP เพื่อสร้างสมดุลพลังงานให้เกิดขึ้นทันต่อความต้องการของประเทศ ประกอบด้วย 

  • ปรับการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่ เพื่อสนับสนุนสมดุลพลังงานด้านราคาและความมั่นคง โดยหยุดการสร้างโรงไฟฟ้าฟอสซิลขนาดใหญ่ รวมถึงหยุดการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่ภาครัฐรับผิดชอบต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมด และเปลี่ยนลำดับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า
  • ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีด้านพลังงานให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนสมดุลพลังงานด้านความยั่งยืน โดยควรเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ และเร่งลงทุนพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน, ระบบไมโครกริดและการลดใช้พลังงานแบบสมัครใจ (Demand Response)
  • ปรับระบบการผลิตและซื้อขายไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนสมดุลพลังงานด้านความยั่งยืนในการเร่งพัฒนาพลังงานสะอาดให้ทันใช้ โดยตั้งเป้าการสนับสนุนผลิตไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งการอนุมัติเพิ่มโควตาและปรับราคารับซื้อในระบบ Net Billing ให้สูงขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าการเร่งเปิดตลาดไฟฟ้าเสรีด้วยพลังงานสะอาด โดยการเปิดให้สิทธิเอกชนเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าด้วยค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน  ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพลังงาน สมาชิกวุฒิสภา อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แผน PDP ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟแพงหรือถูก แต่อยู่ที่วิธีจัดการ ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนไปยังปลายทางคือ ค่าไฟฟ้า  ฉะนั้นการเปลี่ยนผ่านกระบวนการผลิตไฟฟ้า หรือการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานในการเลือกเชื้อเพลิงแต่ละชนิดที่จะป้อนเข้าสู่การผลิตไฟฟ้า จะต้องบริหารจัดการให้ดี 

รวมถึงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม ควรจะต้องปรับให้สอดรับกับรูปแบบการผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ควรยกเลิกอัตราค่าไฟฟ้าราคาเดียวทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ในเขตนิคมอุตสาหกรรม

ดังนั้นจำเป็นต้องกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าให้ชัดเจน และเปลี่ยนสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตถูกลงได้ โดยที่หน่วยงานภาครัฐต้องยึดการกำหนดนโยบายในเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจน