นายคุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมและพลังงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยในการบรรยายหัวข้อบทบาทของก๊าซฯ ในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่พอดี และดีพอที่จะไม่กระทบค่าไฟ ในงานเสวนา “ความเงียบของราคาค่าไฟแพง กับการลงทุนที่ประชาชนไม่มีเสียง” ว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของไทย หรือ PDP ควรปรับเปลี่ยนจากตลาดที่ควบคุม (Regulated) ไปสู่ตลาดที่มีการแข่งขัน (Competitive markets) ซึ่งจะเห็นว่าผลการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในอดีตที่ผิดพลาด ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป
และบางช่วงเวลามีปริมาณสำรองไฟฟ้าสูงกว่า 50% ส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น รวมถึงปัจจุบันไทยมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มากขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น กระทบต่อการตัดสินใจมาลงทุนในประเทศของนักลงทุน และสูญเสียค่าภาคหลวง
โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการพยายามหาแหล่งก๊าซฯ ใหม่ในประเทศ รวมถึงควรส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนในทะเล ไทย-กัมพูชา(OCA) ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐไม่ควรทำ เช่น อุดหนุนราคาพลังงานแบบเหวี่ยงแห ,ฝืนกลไกตลาดเสรีและปิดประเทศ ,อ้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานเกินควรจนกระทบความมั่นคง ราคา และธรรมาภิบาล เป็นต้น
นายคุรุจิต กล่าวอีกว่า สิ่งที่ภาครัฐควรดำเนินการ เช่น ตั้งงบประมาณมาช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งราคาน้ำมันและไฟฟ้า,ปล่อยให้ราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม (LPG) ลอยตัวไม่ฝืนกลไกตลาด เพราะจะเสี่ยงขาดแคลน, เร่งเจรจาแก้ปัญหา TC-OCA เพื่อเปิดพื้นที่สำรวจและเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯ แทนที่จะปล่อยให้นำเข้า LNG มากขึ้นเรื่อยๆ ,ไม่ต่อสัญญาโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) หรือ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ที่จะหมดอายุ
แต่ให้มาแข่งขันเสนอราคาค่าไฟฟ้าในตลาดเสรี และการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แต่ควรมีกติกาที่โปร่งใส ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศควรใช้ระบบประมูลค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เจรจารายโครงการ
นางสาวอารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเสวนาในหัวข้อ “ความเงียบใน PDP ทำค่าไฟแพง ส่งเสียงอย่างไรให้ระบบไฟฟ้าไทยแฟร์” ว่า ได้เสนอ 3 ข้อ ในการปรับแผน PDP เพื่อสร้างสมดุลพลังงานให้เกิดขึ้นทันต่อความต้องการของประเทศ ประกอบด้วย
นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพลังงาน สมาชิกวุฒิสภา อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แผน PDP ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟแพงหรือถูก แต่อยู่ที่วิธีจัดการ ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนไปยังปลายทางคือ ค่าไฟฟ้า ฉะนั้นการเปลี่ยนผ่านกระบวนการผลิตไฟฟ้า หรือการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานในการเลือกเชื้อเพลิงแต่ละชนิดที่จะป้อนเข้าสู่การผลิตไฟฟ้า จะต้องบริหารจัดการให้ดี
รวมถึงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม ควรจะต้องปรับให้สอดรับกับรูปแบบการผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ควรยกเลิกอัตราค่าไฟฟ้าราคาเดียวทั่วประเทศ (Uniform Tariff) ในเขตนิคมอุตสาหกรรม
ดังนั้นจำเป็นต้องกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าให้ชัดเจน และเปลี่ยนสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตถูกลงได้ โดยที่หน่วยงานภาครัฐต้องยึดการกำหนดนโยบายในเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจน