ปัญหาลอบขนสินค้าข้ามแดน-ราคาถูก กดกำลังผลิตอุตฯไทยปี 69 ทรุด

31 ธ.ค. 2568 | 01:11 น.

ส.อ.ท.ชี้ปัญหาการลักลอบขนสินค้าข้ามแดน และราคาถูก กดกำลังผลิตอุตสาหกรรมไทยปี 69 ชะลอต่อเนื่อง ด้านกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวจำกัด

KEY

POINTS

  • ส.อ.ท. คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยในปี 2569 มีแนวโน้มชะลอตัวจากปัญหาสินค้าลักลอบนำเข้าและสินค้าด้อยคุณภาพราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาด
  • ผลกระทบดังกล่าวทำให้หลายอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตลง ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ยังเผชิญปัญหาหนี้สินและสภาพคล่อง
  • กำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างจำกัดจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปี 69  ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้รับแรงกดดันจากปัญหาการลักลอบขนสินค้าข้ามแดน (Transshipment) และสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศ ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตหรือปรับรูปแบบธุรกิจ 

ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สินและสภาพคล่อง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการจ้างงานในภาพรวม

ด้านกำลังซื้อผู้บริโภค ยังคงฟื้นตัวได้อย่างจำกัด จากความระมัดระวังในการใช้จ่ายและภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การบริโภคภาคเอกชนจึงขยายตัวไม่มากนัก แม้พฤติกรรมผู้บริโภคจะเริ่มหันไปให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีนวัตกรรมและคุณภาพมากขึ้น ภาคธุรกิจจึงต้องปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาลอบขนสินค้าข้ามแดน-ราคาถูก กดกำลังผลิตอุตฯไทยปี 69 ทรุด

อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว ยังช่วยพยุงรายได้และการใช้จ่ายในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจได้

อีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น คือ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่กระทบต่อประชาชน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่ 

นอกจากนี้ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้า เช่น CBAM และ EUDR ยังส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ต้องปรับตัวด้านมาตรฐานการผลิตและระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างเข้มข้นมากขึ้น

“ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว การลงทุนในปี 69 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในบางอุตสาหกรรม จากการเร่งสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ควบคู่กับการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศในระยะต่อไป”