ประธานส.อ.ท.ชี้เศรษฐกิจไทยปี 69 เสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะงักงัน

30 ธ.ค. 2568 | 01:11 น.

ส.อ.ท.ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 69 เสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะงักงันกับรถติดหล่ม ระบุมีความไม่แน่นอนสูงทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

KEY

POINTS

  • ส.อ.ท. เตือนเศรษฐกิจไทยปี 69 มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะชะงักงัน จากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภายนอกและข้อจำกัดเชิงโครงสร้างภายในประเทศ
  • กกร. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงเหลือ 1.6–2.0% โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ การแข่งขันจากสินค้านำเข้า และกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ
  • ภาคการส่งออกมีแนวโน้มหดตัว ขณะที่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากผลกระทบของสงครามการค้าและปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาด

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมไทยปี 69 ว่า จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ยังต้องดำเนินไปท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศและข้อจำกัดเชิงโครงสร้างภายในประเทศเอง 

ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมจึงยังอยู่ในภาวะประคองตัวมากกว่าการฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งหากปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอลงต่อเนื่องโดยไม่มีแรงพยุง ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะชะงักงันคล้ายกับรถติดหล่ม คือแม้จะพยายามเร่งเครื่อง แต่ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีการประเมินเศรษฐกิจไทย ปี 69 โดยคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 1.6–2.0% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 68 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.0% 

ประธานส.อ.ท.ชี้เศรษฐกิจไทยปี 69 เสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะงักงัน

ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ การแข่งขันจากสินค้านำเข้าที่รุนแรงขึ้น รวมถึงแรงกดดันต่อภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อภายในประเทศ 

“ภายใต้บริบทดังกล่าว การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น โดยเฉพาะการฟื้นฟูผลกระทบจากอุทกภัย ควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

สำหรับภาคการส่งออกของไทยในปี 69 มีแนวโน้มชะลอตัวมาอยู่ที่ -1.5 ถึง -0.5% จากผลกระทบของสงครามการค้าและความไม่แน่นอนทางนโยบายของประเทศมหาอำนาจ ขณะเดียวกันความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลต่อเศรษฐกิจชายแดนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก ภาคอุตสาหกรรมจึงเห็นว่าการเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าใหม่จะเป็นกลไกสำคัญในการขยายตลาด ลดการพึ่งพาตลาดเดิม และเสริมความสามารถในการแข่งขันในปี 69

ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้รับแรงกดดันจากปัญหาการลักลอบขนสินค้าข้ามแดน (Transshipment) และสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศ ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตหรือปรับรูปแบบธุรกิจ ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ยังคงเผชิญปัญหาหนี้สินและสภาพคล่อง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการจ้างงานในภาพรวม