ส่องความคืบหน้าท่าเรืออุตฯมาบตาพุดระยะ 3 ช่วง 2 คาดเปิดใช้ปี 69

30 ธ.ค. 2568 | 03:16 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2568 | 03:16 น.

กนอ.เผยความคืบหน้าล่าสุดท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 ช่วงที่ 2 คาดเปิดใช้ท่าเรือก๊าซ และสินค้าเหลวภายในปี 69

KEY

POINTS

  • โครงการพัฒนาท่าเรือฯ มาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 ซึ่งเป็นการถมทะเลและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100%
  • การก่อสร้างในช่วงที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยท่าเทียบเรือก๊าซ ท่าเทียบเรือสินค้าเหลว และท่าเทียบเรือบริการ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว
  • ตั้งเป้าหมายเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซและสินค้าเหลวในช่วงที่ 2 ภายในปี พ.ศ. 2569
  • โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) gxbfgzpภาพรวมการบริหารจัดการพื้นที่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (Maptaphut Complex) ว่า ปัจจุบันประกอบด้วย 6 นิคมอุตสาหกรรม และ 1 ท่าเรืออุตสาหกรรม มีจำนวนโรงงานรวมทั้งสิ้น 192 โรงงาน มียอดมูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 2 ล้านล้านบาท และมีการจ้างแรงงานในพื้นที่กว่า 35,000 คน 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนพื้นที่นี้ ได้แก่ ปิโตรเคมีขั้นปลาย (28%), เคมีภัณฑ์ (17%) และปิโตรเคมีขั้นกลาง (14%) ขณะเดียวกัน กนอ.ยังคงมุ่งมั่นนำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน

ส่วนความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญตามแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน EEC เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานนั้น โดยงานในช่วงที่ 1 (MTP 3.1) ซึ่งครอบคลุมงานถมทะเลพื้นที่ 1,000 ไร่ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้ดำเนินการ เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 

ขณะที่งานในช่วงที่ 2 (MTP 3.2) ซึ่งเป็นการก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าซ ท่าเทียบเรือสินค้าเหลว และท่าเทียบเรือบริการ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซและสินค้าเหลวภายในปี 2569

ในส่วนของการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม ศูนย์ EMCC มีการใช้เทคโนโลยีตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำแบบ Real-time รวมถึงจัดการกากอุตสาหกรรมผ่านระบบ IEAT WTMS ที่มีผู้ใช้ครบ 100% ส่งผลให้พื้นที่มาบตาพุดสามารถรักษาระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศตามมาตรฐาน SDG I.E. (Sustainable Development Goals Industrial Estate)

และได้รับประกาศนียบัตร Carbon Neutral Certificate ซึ่งพิสูจน์ว่าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเกื้อกูลตามแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม (ISO 26000)