กนอ.-World Bank ทุ่ม 3.4 หมื่นล้านปักหมุดพลังงานสะอาดนิคมฯมาบตาพุด-แหลมฉบัง

24 ธ.ค. 2568 | 06:44 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2568 | 06:44 น.

กนอ.เดินหน้าผนึกWorld Bankและกระทรวงการคลังทุ่มงบ 3.4 หมื่นล้านบาท นำร่องติดตั้งพลังงานสะอาดนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และแหลมฉบัง

KEY

POINTS

  • กนอ. ร่วมมือกับธนาคารโลกและกระทรวงการคลัง ลงทุนกว่า 3,400 ล้านบาท ในโครงการนำร่องด้านพลังงานสะอาดที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและแหลมฉบัง
  • โครงการจะติดตั้งระบบพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ลอยน้ำและโซลาร์รูฟท็อป โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 91,250 ตันต่อปี
  • การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.มีแผนที่จะดำเนินการร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินโครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และแหลมฉบัง ด้วยงบลงทุนกว่า 3,400 ล้านบาท 

ทั้งนี้ เพื่อติดตั้งระบบพลังงานสะอาด ทั้งโซลาร์ลอยน้ำและโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 91,250 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตให้กับองค์กร 

“กนอ.มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) โดยตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ซึ่งในปี 2568 มีแผนขยายผลการตรวจรับรอง Carbon Neutrality ให้ครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. บริหารจัดการเองทั้ง 13 แห่ง ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco I.E.) ไปสู่ SDG I.E. ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ”

กนอ.-World Bank ทุ่ม 3.4 หมื่นล้านปักหมุดพลังงานสะอาดนิคมฯมาบตาพุด-แหลมฉบัง

อีกทั้งยังจะมีการพัฒนาระบบการเงินแบบ Cashless เต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการชำระเงินดิจิทัลทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Mobile Banking หรือ QR Payment เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ เพิ่มความโปร่งใส และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลระดับสากล โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2569 

สำหรับภาพรวมสถานการณ์การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ 68 ที่ผ่านมา มียอดขายและเช่าพื้นที่เติบโตน่าพอใจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ (13.48%) 

,ผลิตภัณฑ์โลหะ (10.45%) ,เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (9.68%), เคมีภัณฑ์ (7.82%) และผลิตภัณฑ์พลาสติก (6.55%) 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจากญี่ปุ่น (23.41%) ยังคงครองแชมป์การลงทุนสูงสุด ตามมาด้วย จีน (16.76%) สิงคโปร์ (9.93%) และสหรัฐอเมริกา (5.79%) ส่งผลให้ปัจจุบัน กนอ. มีเม็ดเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 15.32 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานในระบบกว่า 1 ล้านคน