KEY
POINTS
ดร.ธนิต โสรัตน์ ประธานกรรมการในเครือบริษัทวี-เซิร์ฟ กรุ๊ป และรองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่า โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/เหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะนี้ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกขแงไทยในปี 2569
ดร.ธนิต กล่าว่วา ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสูงเป็นประวัติการณ์ โดยปลายเดือนธันวาคมอัตราแลกเปลี่ยน (26 ธ.ค.68) 31.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ามากสุดในรอบ 8 ปี กล่าวคือการแข็งค่าเงินบาทเทียบต้นปีกับปลายปี 2567 แข็งค่า 9.31% หากเปรียบเทียบไตรมาส 4 ค่าเงินบาทแข็งค่า 4.13% แค่เดือนธันวาคมแข็งค่า 3.02%
การที่เงินสกุลบาทแข็งค่าส่งผลต่อการส่งออกเทียบต้นปี/ปลายปีทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแลกเป็นเงินบาทหายไป 3.2 บาท ภายใต้การแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออกและเศรษฐกิจโลกขาลงตลอดจนสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ต้องบวกภาษี “Reciprocal Tax” อีก 19% เป็นภาระของผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกค้าใหญ่สัดส่วน 1 ใน 5 การปรับราคาของผู้ส่งออกจึงแทบเป็นไปไม่ได้แถมยังต้องลดราคาเพื่อรักษาตลาด
สำหรับภาคส่งออกนอกจากการแข่งขันด้านราคายังเกี่ยวข้องกับปัจจัยเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าเพราะผู้ส่งออกเมื่อได้รับเงินตราสกุลเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินสกุลหลักในการค้าขายต้องเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาทถึงแม้ว่าผู้ส่งออกจะปิดความเสี่ยงด้วยการทำ “Forward Rate” กับธนาคารพาณิชย์เงื่อนไขและราคาตามเลตเตอร์ออฟเครดิต
ทั้งนี้เพื่อป้องกันความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการกำหนดวันส่งมอบเงินไว้แน่นอนหรือตามช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน (Pro Rate Forward/Swap Point) เรื่องพวกนี้ผู้ส่งออกรู้ดีแต่บาทแข็งค่าหรือผันผวนทำให้การเสนอราคาทำได้ค่อนข้างลำบากเพราะอาจใช้เวลา 2 – 3 เดือน ตั้งแต่การรับออเดอร์ การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจองเรือ
อย่างไรก็ตามปีที่ผ่านมาถึงเงินบาทแข็งค่ามากสุดแต่มูลค่าส่งออกอาจสูงถึง 338,900 ล้านต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ขยายตัว 12.58% แต่เมื่อแลกเป็นเงินบาทขยายตัว 5.20% หรือเงินหายไปเฉลี่ย 7.38% ขึ้นอยู่กับสัดส่วนสินค้านำเข้าที่อยู่ในมูลค่ามากน้อยเพียงใด เช่น สินค้าอุตสาหกรรมวัตถุดิบอาจมีการนำเข้าเพื่อ “Re-Export” ทำให้ค่าเงินหักกลบกันได้ส่งผลทำให้สามารถขยายตัว 9.45%
ขณะที่สินค้าเกษตรกรรมติดลบถึง 10.76% โดยเฉพาะส่งออกข้าวหดตัว 34% ยางพาราหดตัว 5.6% อาหารทะเลแปรรูปหดตัว 7.8% ตลาดส่งออก (เชิงดอลลาร์สหรัฐฯ) ที่ขยายตัวได้ดีคือสหรัฐอเมริกาสัดส่วน 1 ใน 5 ของส่งออกรวมขยายตัว 29.8% และตลาดจีนสัดส่วนส่งออก 11.8% ขยายตัว 13.37% ขณะที่การส่งออกไปกัมพูชาซึ่งมีข้อพิพาทหดตัว 16.86% รายได้ลดลงประมาณ 4.8 – 5.0 หมื่นล้านบาท
สำหรับปี 2569 การส่งออกอาจขยายตัวได้ 5% แต่คงไม่ถึงติดลบเพราะอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าเกิดกับทุกประเทศจะมากน้อยต่างกัน ปัจจัยสำคัญมาจากเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าเฉลี่ยทั้งปี 13.9% และราคาทองคำพุ่งสูงถึง 69.8% ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิตทั้งปีแข็งค่าใกล้เคียงกับเงินบาทแต่เงินสกุลหยวนแข็งค่า 4.019% และสิงคโปร์ดอลล่าร์แข็งค่า 5.78%
อย่างไรก็ดีการจะโทษว่าบาทแข็งค่ามีแต่เชิงลบต่อเศรษฐกิจคงไม่ใช่เพราะมูลค่าส่งออกกับนำเข้ามูลค่าใกล้เคียงกันเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส วัตถุดิบ สินค้าประเภททุนและอุปโภคบริโภค ซึ่งเงินบาทแข็งค่าทำให้ต้นทุนนำเข้าก็ลดลงในสัดส่วนเดียวกัน
สำหรับปัจจัยที่อาจทำให้บาทแข็งค่า ประเมินว่ามี 4 ปัจจัยดังนี้
1. Dedollarization แนวโน้มอ่อนค่าจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการลดดอกเบี้ยอีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอและไม่แน่นอนทำให้กระแสทิ้งดอลล่าร์ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ปีที่แล้วเฉลี่ยอ่อนค่า 13.82%
2. Gold prices are hitting ราคาทองคำตลาดโลกในปีที่ผ่านมาพุ่งสูงผิดปกติจากต้นปีราคา 2,636 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาช่วงสิ้นปีไปถึง 4,508 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ สูงขึ้นถึง 71.01% ส่วนหนึ่งเกิดจากการทิ้งดอลล่าร์ไปเก็งกำไรราคาทองคำ
3. High Reserve Fund เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย (ธปท.) ทำสถิติสูงสุด ณ เดือนพฤศจิกายน 2568 มูลค่า 298,720.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เปรียบเทียบ 1 ปี (พ.ย./พ.ย.) สูงขึ้น 12.94% เป็นอันดับ 13 ของโลกทำให้มีความเชื่อมั่นในเงินสกุลบาท
นอกจากนี้ไทยมีทองคำอยู่ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมูลค่าสูงถึง 32,900.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 11.01% ของทุนสำรองเป็นลำดับที่ 22 ของโลกคิดเป็นน้ำหนักทองประมาณ 24.09 ตัน ในช่วง 1 ปีมูลค่าทองคำในทุนสำรองเพิ่มขึ้น 12,303.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 59.74% เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เงินบาทแข็งค่า
4. Money Laundering Scammer มีการระบุว่าบาทแข็งค่าเกิดจากการฟอกเงินของสแกรมเมอร์ที่โอนขายทองคำไปกัมพูชาช่วง 7 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาส่งออกทองคำมูลค่า 68,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28% ของการส่งออกทองคำโดยได้รับเงินกลับมาเป็นเหรียญสหรัฐแต่ประเด็นนี้ทางสมาคมทองคำระบุว่าเป็นการส่งออกปกติคล้ายกันทุกปี