สบน. ลุยออกบอนด์ออมพลัส 1.2 หมื่นล้าน ตามแผนกระตุ้นออม

14 ธ.ค. 2568 | 23:10 น.

สบน.เดินหน้าขายพันธบัตรออมทรัพย์ ‘บอนด์ออมพลัส’ 1.2 หมื่นล้าน เริ่มล็อตแรกปลายเดือนม.ค.69 ระบุอยู่ในแผนการบริหารหนี้ปี 69 แม้ยุบสภาฯ

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะประกาศยุบสภาฯ แล้ว แต่การเสนอขายพันธบัตรออมพลัส หรือบอนด์ออมพลัส ที่เป็นหนึ่งในนโยบายเสาที่ 4 ด้านการออมของรัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากบอนด์ออมพลัส เป็นหนึ่งในแผนการบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2569 ของสบน.อยู่แล้ว 

“ตามปกติแล้ว การระดมทุนของรัฐบาลโดยสบน.นั้น จะมีเครื่องมือในการระดมทุนที่หลากหลาย โดยหนึ่งในเครื่องมือ คือ การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งเราสามารถที่จะออกแบบได้ โดยบอนด์ออมพลัสก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่เราออกแบบไว้ที่จะให้ประชาชนเข้ามาซื้อหรือออมได้ทุกเดือน ดังนั้น แม้ว่า รัฐบาลจะประกาศยุบสภาแล้ว แต่การออกพันธบัตรออมทรัพย์พลัสยังเดินหน้าได้ตามปกติ”

ทั้งนี้ สบน.มีแผนจะเปิดขายบอนด์ออมทรัพย์ทุกเดือน เดือนละ 1,000 ล้านบาท โดยการจัดสรรแบบ Small Lot First ให้ผู้จองซื้อหุ้นจำนวนน้อยก่อนเพื่อให้เท่าเทียม แล้วค่อยจัดสรรส่วนที่เหลือวนไป แต่หากผู้ลงทุนมีความต้องการสูง เราก็พร้อมที่จะพิจารณาเพิ่มวงเงิน โดยแผนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ 69 อยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท และในจำนวนนี้ สบน.มีแผนจะออกผ่านพันธบัตรออมทรัพย์พลัส 12,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 

สำหรับบอนด์ออมพลัส มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนรายย่อยได้เข้าถึงการออมผ่านพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเราพบว่า ปัจจุบันผู้ลงทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก โดย 95% เป็นผู้ลงทุนที่เป็นสถาบัน ซึ่งรวมถึงธนาคารพาณิชย์ ประกันสังคม กองทุนต่างๆ และบริษัทประกันภัย ส่วนกลุ่มประชาชนที่ถือพันธบัตรออมทรัพย์มีเพียง 5% เท่านั้น หรือประมาณ 170,000 กว่าคนเท่านั้น 

นอกจากนี้ ผู้ที่ถือพันธบัตรออมทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มช่วงวัยกลางคนถึงผู้สูงวัยอายุ 60 ปี ซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 60% ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานมีสัดส่วนไม่ถึง 30% ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้พัฒนาช่องทางการออมทรัพย์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่

นางจินดารัตน์ กล่าวว่า สบน.จึงได้พัฒนาบอนด์ออมพลัส ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องดอกเบี้ยที่ดี มีความมั่นคงสูง และเปิดโอกาสให้ซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท พร้อมทั้งขยายช่องทางการซื้อที่หลากหลายผ่านธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงการซื้อขายออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สำหรับโครงการนี้มีแผนจะเปิดขายทุกเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 

ส่วนเรื่องปัญหาสภาพคล่องและการไถ่ถอนคืน (ขายคืน) ซึ่งปกติค่อนข้างลำบาก ในรูปแบบใหม่นี้ เมื่อดำเนินการผ่านระบบ streaming ผู้ลงทุนจะสามารถขายคืนได้ง่ายขึ้น และสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที อย่างไรก็ตาม การขายคืนพันธบัตรดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชัน set streaming จะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะประกาศอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่างๆ อย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงเดือนมกราคมนี้