KEY
POINTS
การประกาศใช้สิทธิ "ปิดงานงดจ้าง" ของ บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีผลวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568 หลังการเจรจาข้อพิพาทแรงงาน 2 ฉบับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ได้นำไปสู่การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของข้อตกลงในอดีต หนึ่งในประเด็นหลักที่สร้างความตึงเครียดสูงคือการจัดการสิทธิ "ทองคำ 3 บาท" ที่ถูกระบุไว้ในสัญญาจ้างของพนักงานบางกลุ่ม
ข้อพิพาทนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของความขัดแย้งระหว่างภาระผูกพันตามสัญญาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า กับมูลค่าสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการคาดการณ์ทางธุรกิจ
ในการเจรจา บริษัทฯ ได้เสนอที่จะจ่ายเงิน จำนวน 40,000 บาท เพื่อทดแทนทองคำ 3 บาทดังกล่าว สำหรับพนักงานอายุงาน 10 ปีขึ้นไปที่มีสิทธิ
ขณะที่สหภาพแรงงานและพนักงานส่วนใหญ่มองว่าเงินจำนวน 40,000 บาทนี้ลดลงอย่างมากจากมูลค่าทองคำจริง และถือว่าเป็นการลดสิทธิที่ระบุไว้ในสัญญา
ความซับซ้อนของข้อพิพาทนี้เพิ่มขึ้นจากพลวัตของราคาทองคำในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2564–2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาทองคำแท่งในประเทศพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
แรงหนุนจากปัจจัยโลก: ราคาทองคำโลก (Gold Spot) ได้เข้าสู่ช่วง "การพุ่งทะยานครั้งใหญ่" (Supercycle Phase) ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยความกังวลด้านเสถียรภาพทางการคลังและอุปสงค์จากธนาคารกลาง
บทบาทของค่าเงินบาท: ราคาทองคำในประเทศไทยได้รับแรงเร่งจากปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่สูงมากถึง 0.9 กับอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐ/บาท
การอ่อนค่าของเงินบาทจึงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ราคาทองคำในประเทศทำสถิติสูงสุดใหม่ โดย ณ สิ้นปี 2568 ราคาทองคำแท่งในประเทศทำสถิติสูงสุดใกล้ 67,400 บาทต่อบาททองคำ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความท้าทายด้านต้นทุนที่บริษัทต้องเผชิญ หากยังต้องยึดตามสัญญาเดิม มูลค่าของทองคำ 3 บาท ณ ราคาตลาดปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเทียบกับข้อเสนอเงินสด 40,000 บาท
ราคาทองคำ ณ ปี 2568(ค่าเฉลี่ยเดือนธันวาคม): หากอ้างอิงจากราคาขายออก ณ ปลายปี 2568 ที่ 63,550 บาทต่อบาททองคำ ดังนั้น มูลค่าทอง 3 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 190,650 บาท
แต่หากเทียบราคาทองคำ ณ จุดสูงสุดในปี 2568 อ้างอิงจากราคาที่ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ใกล้ 67,400 บาทต่อบาททองคำ มูลค่าทอง 3 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 202,200 บาท
การคำนวณข้างต้นแสดงให้เห็นถึงช่องว่างมูลค่าระหว่างข้อเสนอเงินสด 40,000 บาท กับมูลค่าตลาดปัจจุบันของทองคำ 3 บาท ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 2 แสนบาทต่อพนักงานหนึ่งรายที่มีสิทธิตามสัญญาเก่า
ฝ่ายนายจ้างระบุว่า การใช้สิทธิ "ปิดงานงดจ้าง" ของไดกิ้นเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เมื่อข้อพิพาทแรงงานไม่สามารถตกลงกันได้
โดย ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เป็นการ "เลิกจ้าง" ผลที่ตามมาคือ ในช่วงที่ปิดงานนั้น นายจ้างจะไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปิดงาน รมว.แรงงานได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเร่งเข้าไปร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 12 ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป
ความขัดแย้งของไดกิ้นจึงยังคงเป็นกรณีที่ต้องจับตาดูว่า การประนีประนอมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อมูลค่าของภาระผูกพันตามสัญญาในอดีตได้ถูกขยายด้วยพลวัตทางเศรษฐกิจจนมีมูลค่าสูงเกินกว่าข้อเสนอที่ฝ่ายบริหารจัดสรรไว้