‘เอกนิติ’ ชี้แจงภาพหลุด ‘เบน สมิทธิ’ เหตุการณ์ 5 ปีที่แล้ว ไม่ได้คบหาสมาคม

03 ธ.ค. 2568 | 16:10 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 16:23 น.

‘เอกนิติ’ ชี้แจงภาพหลุด ‘เบน สมิทธิ’ เข้ามาแลกนามบัตร ระบุเหตุการณ์ 5 ปีที่แล้ว ไม่ได้มีการพูดคุย และคบหาสมาคมกันอีก

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ ขณะแลกนามบัตรกับ นายเบน สมิทธิ ว่า  

เป็นเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลังการระบาดของโควิด-19 สังเกตุได้ว่า ยังคล้องสายหน้ากากอยู่  โดยไปเป็นอาจารย์ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ภายในงานได้เจอกับคนจำนวนมาก และนายเบน สมิทธิได้เข้ามาพูดคุยแลกนามบัตร ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการพูดคุย หรือคบหาสมาคมกันอีก แม้แต่ภาพถ่ายดังกล่าวตนก็ไม่เคยมี 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“เหมือนเช่นที่ไปงานดินเนอร์ทอล์คของฐานเศรษฐกิจเอง ก็มีคนมาขอถ่ายรูปด้วยมากมาย โดยที่ไม่รู้ว่า ใครเป็นใครเช่นกัน”นายเอกนิติกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรกรรม มีการพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) และไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

โดยมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 289 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10,165 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 คดีสำคัญ โดยหนึ่งในนั้นคือ เครือข่ายของนายเบน สมิธ และ แตงไทย โดยยึดทรัพย์สูงสุดกว่า 9 พันล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ในวันนี้ (3 ธ.ค. 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำแถลงโดยระบุว่า การสืบสวนยังพบความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่าง ยิม เลียก และนายเบน สมิธ นักธุรกิจต่างชาติที่ถูกสหรัฐ จัดอยู่ในกลุ่มบุคคลเสี่ยงเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ระดับนานาชาติ ทั้งคู่มีบริษัทในไทยที่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน

และมีการถือหุ้นไขว้ระหว่างภรรยาของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการบินส่วนตัว ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ถูกใช้ในการอำพรางเส้นทางเงินผิดกฎหมายบ่อยครั้ง

นานอนุทิน กล่าวว่า การตรวจสอบความสัมพันธ์และธุรกรรมพบว่า ยิม เลียก เป็นศูนย์กลางรับและกระจายเงินของเครือข่ายสแกมเมอร์ ขณะที่นายเบน สมิธ ทำหน้าที่สนับสนุนในเชิงโครงสร้างธุรกิจและเส้นทางการเงิน ทั้งสองฝ่ายมีพื้นฐานความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีอำนาจในกัมพูชา ทำให้มีความสามารถในการหลีกเลี่ยงตรวจสอบจากหลักฐานทั้งหมด

ทำให้เชื่อได้ว่าโครงสร้างนี้เป็นเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ที่ประกอบด้วยบัญชีผู้กระทำความผิด แก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา นักธุรกิจต่างชาติ และกลุ่มทุนที่มีอิทธิพลในกัมพูชา โดยมียิม เลียก และเบน สมิธ เป็นแกนกลางที่เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและเส้นทางการเงินเข้าด้วยกัน

ทั้งนี้ นายเบน สมิธ ถูกเชื่อมโยงว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมืองไทยหลายคน ล่าสุดในโลกออนไลน์ ปรากฏภาพ นายอนุทิน รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.คลัง ร่วมเฟรมกับนายเบน สมิธ หลายครั้งหลายโอกาส จึงทำให้ถูกสังคมตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์เช่นเดียวกัน