วันนี้ (3 ธ.ค.68) ที่อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีการประกาศชัยชนะครั้งสำคัญของรัฐบาล นี่คือภาพของการรวมพลังระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายความมั่นคง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ซึ่งมาพร้อมกับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการระดับสูงจากหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ , พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.และ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง.
เป้าหมายคือการเปิดเผยผลลัพธ์ของ “ปฏิบัติการถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” ซึ่งสามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายฉ้อโกงข้ามชาติไว้ได้ในมูลค่าที่น่าตกตะลึง คือ กว่า 10,165 ล้านบาท
ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นจากเสียงร้องทุกข์ที่หลั่งไหลเข้ามาผ่านระบบ การรับแจ้งความออนไลน์ ของพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์ ทุกข้อมูลความเสียหายถูกรวบรวมไว้ในระบบ Thai Police Online และถูกส่งต่อไปยัง ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลอันซับซ้อนเหล่านี้
เจ้าหน้าที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อแกะรอยการเดินทางของเงินที่ถูกโอนผ่านบัญชีม้าหลายทอด ตั้งแต่แถวที่ 1 จนถึงแถวที่ 5 เงินที่ถูกหลอกลวงเหล่านี้ ซึ่งมาจากการหลอกให้ซื้อสินค้า, หลอกกู้ยืมเงิน, หลอกทำภารกิจ หรือแม้แต่หลอกเล่นการพนัน ต่างไปรวมกันอยู่ที่บัญชีปลายทางเพียงสองแห่ง
เมื่อรวมกันแล้ว ยอดความเสียหายที่เชื่อมโยงกับบัญชีปลายทางสองบัญชีนี้มีมูลค่าเกิน 3,000 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่พบว่าผู้รับผลประโยชน์ในขั้นตอนสุดท้ายคือ นายยิม เลียก (หรือ นายเลี้ยก ยิม) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ
การสืบสวนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น คดีนี้เป็นคดีข้ามชาติที่ได้รับความร่วมมือด้านข้อมูลในเชิงลึกจากหน่วยงาน ST Force ของ FBI ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
จากการรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำผู้เสียหายกว่า 40 ราย นำไปสู่การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 42 คน และสามารถจับกุมได้ 29 คน
ส่วนผู้ที่ยังหลบหนีอยู่ 13 คนนั้น มีบุคคลสำคัญที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ได้แก่ นายยิม เลียก และภรรยาของเขา คุณวิรัญญา
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยรายละเอียดการยึดทรัพย์ที่มาจากการดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ปปง. ตรวจพบว่า กลุ่มบุคคลนี้ ซึ่งรวมถึงนายยิม เลียก, ภรรยา, และ นายเบน สมิธ มีการทำธุรกรรมรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดรวมมูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านบาทเศษ ในช่วงปี 2560 ถึง 2565
โดยวิธีการของพวกเขาคือการตั้งบริษัทในลักษณะ "Shell Company" เพื่อถือครองทรัพย์สินและฟอกเงิน
คณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. ได้มีมติยึดอายัดทรัพย์สินใน 4 กลุ่มคดีใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งหมด 10,165 ล้านบาท:
นี่คือคดีที่มีมูลค่าสูงสุด โดย นางสาวแตงไทย ถูกใช้เป็น 'ม้า' ในการรับมอบอำนาจทำธุรกรรมทางการเงิน
คณะกรรมการฯ สั่งยึดอายัดทรัพย์สิน 66 รายการ มูลค่ารวม 9,279 ล้านบาท ทรัพย์สินที่ถูกยึด ได้แก่ ที่ดิน ห้องชุด และที่สำคัญคือ หลักทรัพย์หรือหุ้นของบริษัทบางจาก ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ณ ขณะนั้น
นอกจากนี้ ปปง. ยังใช้อำนาจยึดรถหรูเพิ่มอีก 3 คัน (ZEEKR 009, FERRARI 488 GTB, PORSCHE CAYENNE S E-HYBRID COUPE) และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับเรือยอชต์
เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ที่ใช้บัญชีม้าสแกนใบหน้าและนำเงินมาซื้อทรัพย์สินในไทย ยึดทรัพย์ 90 รายการ มูลค่า 467 ล้านบาท
กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์ ค้ามนุษย์ และฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล (Hybrid Scam) โดยเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท Prince Holding Group ในกัมพูชา ยึดทรัพย์ 102 รายการ มูลค่า 373 ล้านบาท
หลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านแอปฯ ULELA Max และแปลงเงินเป็นเหรียญดิจิทัล USDT ยึดทรัพย์ 31 รายการ มูลค่า 46 ล้านบาท
เลขาธิการ ปปง. ยืนยันว่า ทรัพย์สินที่ยึดได้จะถูกสรุปสำนวนภายใน 90 วัน เพื่อส่งศาลแพ่ง และ ปปง. จะประกาศคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายเป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้ผู้เสียหายมาพิสูจน์สิทธิ์ ก่อนนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปขายทอดตลาดเพื่อเฉลี่ยคืนเงินให้กับผู้เสียหายต่อไป
เมื่อถูกสื่อมวลชนซักถามถึงความเชื่อมโยงของผู้ต้องหาบางราย เช่น นายเบน สมิธ ที่มีความรู้จักกับบุคคลมีชื่อเสียงในรัฐบาล อาทิ นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยคลัง และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้แสดงจุดยืนโดยชี้แจงว่า
"เรื่องการรู้จักกัน มันก็มีการรู้จักกันได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลยึดถือคือหลักการที่มอบหมายให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ปิดชื่อถือพฤติกรรม หากหลักฐานและการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการละเว้น เพราะท่านย้ำว่า หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ก็จะถูกข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เสียเอง"
นอกจากนี้ เพื่อแสดงถึงความจริงจังในการจัดการกับตัวการสำคัญ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการ เพิกถอนสัญชาติไทย ของ นายยิม เลียก ซึ่งได้รับสัญชาติมาจากการสมรสกับภรรยาคนไทย (อยู่ในหมวด 6 ของบัตรประชาชน) เป็นการส่งสัญญาณว่าแม้จะมีอำนาจหรือความเชื่อมโยงใดๆ ก็ไม่สามารถใช้เป็นเกราะกำบังอาชญากรรมได้
ในตอนท้ายของการแถลงข่าว นายอนุทิน ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจฝ่ายปฏิบัติการทั้งหมด โดยระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 8 สัปดาห์ ไม่เคยเพิกเฉยต่อการปราบปรามอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด, บ่อนการพนัน, ค้ามนุษย์, หรืออาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท ยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติการอย่างเต็มที่ในทุกรูปแบบ
"และขอให้ประชาชนมั่นใจว่า การทำงานจะดำเนินต่อไปโดย ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน สิ่งที่สำคัญคือขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน เพราะงานเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง หากผู้ปฏิบัติงานได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน พวกเขาก็จะเห็นช้างตัวเท่ามด"
นายอนุทินได้ทิ้งท้ายส่งสารไปยังผู้ร้ายข้ามชาติเปรียบเทียบกับคำท้าทายของอาชญากรว่า ถ้าพวกเขาบอกว่า “Catch me if you can” รัฐบาลจะตอบกลับไปว่า “I can always catch you” พร้อมยืนยันว่า ปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติจะไม่มีวันหยุดพัก
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กล่าวเสริมเพื่อเตือนภัยถึงกลุ่มบุคคลที่อาจหลงผิดตกเป็น "บัญชีม้า" ว่า พวกเขามักเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไปที่ถูกชักชวนด้วยผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ โทษจำคุกที่ศาลพิพากษาถึง 10 กว่าปีขึ้นไป และเงินที่ได้มาจะไปตกอยู่ในมือของตัวการเบื้องหลังเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าได้เข้าสู่กระบวนการอาชญากรรมเหล่านี้