ม.หอการค้า ชี้น้ำท่วมใต้ ซัดเศรษฐกิจพัง 4 หมื่นล้าน เอกชนขอเงินสดเยียวยา

02 ธ.ค. 2568 | 04:55 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2568 | 05:09 น.

ม.หอการค้า ประเมินน้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ ธุรกิจท้องถิ่นเข้าขั้น "โคม่า" กว่า 6 ใน 10 ต้องปิดกิจการชั่วคราว เศรษฐกิจเสียหาย 3.5- 4 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการ ต้องการ "เงินสด"เพื่อประคองตัว

KEY

POINTS

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 10 จังหวัดภาคใต้ไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท โดยภาคการท่องเที่ยวและบริการได้รับผลกระทบหนักที่สุด
  • ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบเงินสดเยียวยาโดยตรง เพื่อนำไปใช้ฟื้นฟูกิจการและซ่อมแซมทรัพย์สิน มากกว่าการขอสินเชื่อที่สร้างภาระหนี้สินเพิ่ม
  • มีข้อเสนอมาตรการเร่งด่วน 3 ด้านเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้แก่ การอัดฉีดเงินเยียวยาโดยตรง การเร่งซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นฟูทำความสะอาดพื้นที่ประสบภัย

นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จากการประเมินผลกระทบเบื้องต้นทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 10 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 2.19 ล้านกว่าคน และครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 789,695 ครัวเรือนมูลค่าความเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.22% ของ GDP

โดยความเสียหายในสัปดาห์แรก (21-30 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงวิกฤต มีผลกระทบเฉลี่ยวันละประมาณ 1,500 ล้านบาท เมื่อแยกตามภาคส่วน ความเสียหายสูงสุดคือภาคการท่องเที่ยวและบริการ: ประมาณ 22,500 ล้านบาท ภาคเกษตรกรรม ประมาณ 10,700 ล้านบาท ภาคการผลิตและสาธารณูปโภค ประมาณ 7,000 ล้านบาท

ธุรกิจชะงัก-ขาดความเชื่อมั่นระยะยาว

สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ 10 จังหวัดเกิดภาวะอัมพาต ธุรกิจการค้า การบริการ และการคมนาคมต้องหยุดชะงักชั่วคราว ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องปิดกิจการชั่วคราวถึง 6 ใน 10 

นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกกิจกรรมระดับชาติ เช่น การสัมมนาหอการค้า และการย้ายการแข่งขันซีเกมส์ออกนอกพื้นที่จังหวัดสงขลาทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเป็นเจ้าภาพกิจกรรมระดับนานาชาติในระยะยาว

ผู้ประกอบการต้องการ "เงินสด" มากกว่า "หนี้สิน"

จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการกว่า 70% ประเมินว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากกว่า 1 เดือน เนื่องจากทรัพย์สินและสต็อกสินค้าเสียหาย ขาดสภาพคล่อง และโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน ไฟฟ้า ประปา) เสียหายหนักผู้ประกอบการส่วนใหญ่ระบุว่า ต้องการเงินเยียวยาโดยตรง (Cash Compensation) มากกว่าการใช้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากต้องการเงินสดเพื่อซ่อมแซมและซื้อสินค้าใหม่ ไม่ต้องการแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มเติม

เสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อกู้วิกฤต

ทั้งนี้มีการเสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคใต้ ดังนี้

  • ฉีดเงินเยียวยาโดยตรงเร่งประกาศมาตรการและหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาทันที
  • เร่งซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน ซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ประปา และเส้นทางคมนาคมให้กลับมาใช้งานได้ปกติโดยเร็ว
  • เร่งฟื้นฟูพื้นที่และทำความสะอาด ระดมทีมเข้าบำรุงรักษาและทำความสะอาดในพื้นที่ประสบภัย

"สำหรับมาตรการสินเชื่อ ถูกมองว่าเป็นเพียง ทางเลือกเสริม ที่จะเข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาว ตั้งแต่เดือนที่สองเป็นต้นไป หลังจากการจ่ายเงินเยียวยารอบแรกได้เริ่มต้นแล้ว"