KEY
POINTS
นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จากการประเมินผลกระทบเบื้องต้นทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 10 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 2.19 ล้านกว่าคน และครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 789,695 ครัวเรือนมูลค่าความเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.22% ของ GDP
โดยความเสียหายในสัปดาห์แรก (21-30 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงวิกฤต มีผลกระทบเฉลี่ยวันละประมาณ 1,500 ล้านบาท เมื่อแยกตามภาคส่วน ความเสียหายสูงสุดคือภาคการท่องเที่ยวและบริการ: ประมาณ 22,500 ล้านบาท ภาคเกษตรกรรม ประมาณ 10,700 ล้านบาท ภาคการผลิตและสาธารณูปโภค ประมาณ 7,000 ล้านบาท
สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ 10 จังหวัดเกิดภาวะอัมพาต ธุรกิจการค้า การบริการ และการคมนาคมต้องหยุดชะงักชั่วคราว ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องปิดกิจการชั่วคราวถึง 6 ใน 10
นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกกิจกรรมระดับชาติ เช่น การสัมมนาหอการค้า และการย้ายการแข่งขันซีเกมส์ออกนอกพื้นที่จังหวัดสงขลาทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเป็นเจ้าภาพกิจกรรมระดับนานาชาติในระยะยาว
จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการกว่า 70% ประเมินว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากกว่า 1 เดือน เนื่องจากทรัพย์สินและสต็อกสินค้าเสียหาย ขาดสภาพคล่อง และโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน ไฟฟ้า ประปา) เสียหายหนักผู้ประกอบการส่วนใหญ่ระบุว่า ต้องการเงินเยียวยาโดยตรง (Cash Compensation) มากกว่าการใช้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากต้องการเงินสดเพื่อซ่อมแซมและซื้อสินค้าใหม่ ไม่ต้องการแบกรับภาระหนี้สินเพิ่มเติม
ทั้งนี้มีการเสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคใต้ ดังนี้
"สำหรับมาตรการสินเชื่อ ถูกมองว่าเป็นเพียง ทางเลือกเสริม ที่จะเข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาว ตั้งแต่เดือนที่สองเป็นต้นไป หลังจากการจ่ายเงินเยียวยารอบแรกได้เริ่มต้นแล้ว"